นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพครบวงจร เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยาในช่วงปัจจุบันที่ยังเกิดการระบาดโควิด-19 และรอให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นภายหลังการรับวัคซีนป้องกัน ด้วยศักยภาพของตลาดพัทยาที่แม้วันนี้ยังต้องรอให้สถานการณ์ต่างๆ กลับมาฟื้นตัว แต่ด้วยภาพรวมที่คอนโดมิเนียมพื้นที่ขนาดใหญ่พร้อมเข้าอยู่ อีกทั้งสามารถรองรับการพักผ่อนของสมาชิกในครอบครัวได้ มีจำนวนยูนิตที่ไม่มากนักในตลาด ทำให้ที่ผ่านมายังคงมีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากผู้ที่กำลังมองหาบ้านตากอากาศหลังที่สอง หรือ การซื้อไว้เพื่อลงทุน ถือเป็นการเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงในการลงทุนด้านอื่นๆ ในช่วงเวลานี้
จากข้อมูลจากฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่าตัวเลขของสต็อกที่ก่อสร้างเสร็จแล้วพร้อมเข้าอยู่ เหลือขายอยู่เพียงแค่ประมาณ 1,350 ยูนิตเท่านั้นหรือเพียงแค่ 6.7% ของอุปทานที่เหลือขายอยู่ทั้งหมดในตลาดที่มีอยู่ 2 หมื่นยูนิต และพบว่าอุปทานในจำนวนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเหลือขาย 1,350 ยูนิต มีเพียงแค่ประมาณ 15 % เท่านั้นที่เป็นคอนโดมิเนียมระดับ Luxury Class และที่เป็นยูนิตขนาดใหญ่ โดยที่สินค้าในกลุ่มนี้มีโครงการของโอเชี่ยนฯ คือ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน - พัทยา” เป็นหนึ่งในเซ็กเม้นท์นี้ ซึ่งมีจุดเด่นที่ห้องขนาดใหญ่พิเศษแบบ Over-Space Unit พร้อมอยู่
“บริษัทฯ มองว่าเป็นจังหวะและโอกาสของผู้ซื้อที่กำลังมองหาคอนโดตากอากาศพร้อมอยู่ในยูนิตขนาดใหญ่ และราคาเหมาะสมอาจต้องเร่งการตัดสินใจด้วยจำนวนยูนิตที่มีในตลาด และซัพพลายใหม่แบบพร้อมอยู่ทันทีเช่นนี้ที่จะเข้ามาเติมในตลาดคงต้องใช้เวลารวมก่อสร้างเสร็จอีกอย่างน้อย 3-5 ปี” นายณพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดพัทยาจะมีปัจจัยบวกให้เห็นด้านของซัพพลายที่เข้าสู่ตลาดอย่างจำกัด ขณะที่ดีมานด์น่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ จากสถานการณ์ที่คลี่คลายของโควิด-19 เมื่อเริ่มมีการทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชน อีกหนึ่งแรงกระตุ้นที่จะดึงบรรยากาศและความมั่นใจในการตัดสินใจซื้ออสังหาฯให้กลับมาด้วย
ดังนั้น โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จึงได้จัดแคมเปญยิ่งใหญ่ในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน สำหรับผู้ซื้อที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมตากอากาศพร้อมอยู่เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองหรือเพื่อการลงทุน กับโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน - พัทยา” โครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) สไตล์โมเดิร์น สูง 37 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ เน้นการออกแบบโดยมอบความเป็นส่วนตัว แวดล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่และลากูนริมทะเล พร้อมความสบายสูงสุดด้วยแบบห้องขนาดใหญ่พิเศษ Over-Size Unit ขนาด 1 – 2 ห้องนอน หรือ 80 – 133 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.9 ล้านบาท ที่สามารถชมวิวทะเลแบบพาโนรามา พร้อมสัมผัสบรรยากาศในแบบ “มารีน่า ไลฟ์สไตล์” เพียงแห่งเดียวริมท่าจอดเรือยอช์ทหรูระดับเวิลด์คลาสขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แลนด์มาร์คสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองพัทยา
สำหรับลูกค้าที่จองซื้อโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” จะได้รับแพ็กเกจ “Ocean Emerald Super Yacht Ultimate Experience” ทริปส่วนตัวล่องเรือซูเปอร์ยอช์ทสุดหรู 2 วัน 1 คืน ซึ่ง Ocean Emerald เป็นซูเปอร์ยอช์ทชื่อดังของวงการ ออกแบบโดยนอร์แมน ฟอสเตอร์ (Norman Foster) สถาปนิกชาวอังกฤษผู้สร้างสรรค์สถาปัตยกรรมระดับโลกมาแล้วมากมาย Ocean Emerald โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดยูนีคและมีเพียง 3 ลำในโลกเท่านั้น โดยแพ็กเกจนี้มูลค่าสูงถึง 800,000 บาท* และความพิเศษนี้มอบให้กับผู้ซื้อโครงการฯ ยาวไปจนถึงสิ้นปี 64 นี้
“แม้จะพบกับสถานการณ์โควิดในตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ได้จัดทำแคมเปญ และสื่อสารการตลาดกับผู้ที่สนใจอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ โดยเฉพาะออนไลน์ซึ่งมีความนิยมมากขึ้น ทางบริษัทฯ มีทีมงานคอยให้ข้อมูลและคำปรึกษาผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเต็มที่ พร้อมด้วย Virtual Tour 360 ให้ลูกค้าเข้าชมห้องตัวอย่างจริงผ่านมือถือลูกค้าเอง เมื่อลูกค้ามีโอกาสเข้ามาชมที่ห้องจริงก็สามารถตัดสินใจจองและซื้อได้เลย ด้วยการตลาดที่ปรับเปลี่ยนนี้ ทำให้บริษัทฯ มียอดขายรวมกว่า 80 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปีนี้ แม้จะอยู่ช่วงการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ก็ตาม”
พัทยาเป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับของทั้งคนไทยและต่างชาติในความเป็นเมืองตากอากาศที่ใช้เวลาเดินทางสั้นๆ จากกรุงเทพฯ และเมื่อมีการพัฒนาโครงการมอเตอร์เวย์สายใหม่ รวมถึงมอเตอร์เวย์ตัดใหม่สาย 7 พัทยา-มาบตาพุดที่มีการเปิดให้บริการแล้วก็ยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ น้อยลง
“เชื่อมั่นว่าที่สุดแล้วตลาดพัทยาจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีหลังสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย เนื่องจากพัทยาเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ และเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับ ทั้งยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่น การขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ตรงถึงหน้าโครงการ ด้วยมอเตอร์เวย์ตัดใหม่ พัทยา-มาบตาพุด ในระยะทาง 155 กม. ซึ่งเส้นทางมอเตอร์เวย์เปิดใหม่นี้ส่งผลดีอย่างมากกับอสังหาฯ พัทยาในทุกด้าน ทั้งความสะดวกในการเดินทาง กิจกรรมที่หลากหลายในวันพักผ่อนของครอบครัว
โดยเฉพาะผลดีด้านมูลค่าที่ดินมีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ นอกจากความพิเศษที่ไม่เหมือนใครของวิวท่าจอดเรือยอช์ทหรูหน้าบ้าน ทำเลที่ตั้ง ดีไซน์ สิ่งอำนวยความสะดวก บรรยากาศแวดล้อม และราคาแล้ว เรื่องของการเดินทางที่คล่องตัวกว่าเดิมนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ที่ผ่านมาลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้นในการเลือกซื้อคอนโด “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” นั่นหมายรวมไปถึงโอกาสที่มูลค่าอสังหาฯในย่านนี้จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ตลอดจนตลาดเช่าสำหรับคนที่ซื้อไว้เพื่อลงทุนอีกด้วย” นายณพงศ์ กล่าว