แสนสิริ โกยกำไร 384 ล้าน พลิกโต 521%

17 พ.ค. 2564 | 05:23 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2564 | 12:29 น.

บมจ. แสนสิริ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 64 พลิกทำกำไรโต 521% รายได้รวม 6,827 ล้านบาท โกยรายได้จากโครงการแนวราบ แบรนด์ อาณาสิริ ขึ้นแท่นดาวเด่น เพิ่มเป้ายอดขายและยอดโอนทั้งปีเป็น 31,000 ล้านบาท

นางสาววรางคณา อัครสถาพร ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า ความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งนำหน้าคู่แข่งในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้แสนสิริได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี นอกจากนี้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ยังทำให้แสนสิริต้องเร่งการขายโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ให้เร็วกว่าแผนเดิม เพื่อแข่งขันกับสภาพตลาด (Speed to Market) ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ดี 

โดยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 64 จากการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Speed to Market ส่งผลให้แสนสิริมีผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ดี โดยบริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 384 ล้านบาท เติบโตถึง 521% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้รวมเติบโตขึ้น 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 6,827 ล้านบาท 

โดยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้น 12% อยู่ที่ 6,044 ล้านบาท ทำผลงานการโอนได้ดีในโครงการแนวราบ โดยรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวเติบโตขึ้น 36% อยู่ที่ 3,272 ล้านบาท นอกจากนี้แสนสิริยังประสบความสำเร็จจากการสร้างแบรนด์ “อณาสิริ” บ้านและทาวน์โฮม ภายใต้แนวคิด “Feel Just Right ความพอดีที่ลงตัว” 

โครงการคุณภาพที่รวมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมไว้ด้วยกัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 2 - 6 ล้านบาท สะท้อนความพอดีใน 5 มุมการใช้ชีวิต ได้แก่ Love / Work / Eat / Play / Live และผนวกแนวคิดของ Sansiri Housing Evolution จึงมีความโดดเด่นในดีไซน์และฟังก์ชันการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้อย่างพอดี รองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสร้างครอบครัว ที่นับเป็นกลุ่มใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เป็นผลงานจากการรุกตลาดและสร้างแบรนด์อณาสิริในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีรายได้จากบ้านและทาวน์โฮมแบรนด์อณาสิริในไตรมาสแรกถึง 621 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 274% จากปีก่อน รวมถึงมีสภาพคล่องกว่า 15,000 ล้านบาท ที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจและมีความแข็งแกร่งในทุกสภาวการณ์ 

ทั้งนี้  ล่าสุด พร้อมปูพรมสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงินระยะยาว ด้วยการเข้าถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ใน “XSpring” ประกาศลงทุน 15%  ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท ขยายจากธุรกิจอสังหาฯ สู่ธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ ที่เชื่อมโลกการเงินปัจจุบันกับโลกลงทุนดิจิทัลไว้ด้วยกัน ครั้งแรก ในประเทศไทย 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง