นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จาก มาตรการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่จะเปิดเมืองภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 ก.ค. นี้
พลัสฯ มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในภูเก็ตให้ฟื้นกลับมา ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อการจ้างงานและการฟื้นตัวของธุรกิจอื่นๆในภูเก็ตตามมา โดยในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ก็จะได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน จากพอร์ตธุรกิจที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ซื้อ-ขาย-เช่า ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้
พบว่า ผู้เช่าคอนโดในภูเก็ตที่พลัสฯ ดูแล เป็นชาวต่างชาติถึง 88% และชาวไทย 12% ซึ่งหากมาตรการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ประสบความสำเร็จ สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพและดำเนินการได้ดีในระยะยาว ย่อมจะทำให้มีดีมานด์การเช่าของชาวต่างชาติรวมทั้งกำลังซื้อกลับมา
สำหรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าและขายต่อในภูเก็ต จากข้อมูลของพลัสฯ พบว่า ผู้เช่าต่างชาติ จะเช่าระยะยาว เน้นในช่วง High Season คือเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ โดยส่วนใหญ่เลือกโครงการคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่ส่วนกลางที่สวยงาม สิ่งอำนวยความสะดวกครบ เช่น สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ เลือกห้องที่วิวสวย ขนาดห้อง 29-30 ตร.ม. มีเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าครบพร้อมอยู่
รวมทั้งมีอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น จาน ชาม ช้อน ส้อม อุปกรณ์ทำอาหาร และเลือกโครงการอยู่ในเมืองที่เดินทางได้สะดวก และสำหรับกลุ่มผู้เช่าที่เป็นคนทำงาน นอกจากจะเช่าระยะยาวในระหว่างที่ทำงานแล้ว ยังมีรูปแบบของการซื้อด้วย เพื่อพักอาศัยเองและลงทุนปล่อยเช่าต่อในอนาคต โดยมักเลือกโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลที่ใกล้ที่ทำงาน และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ร้านอาหาร
โดยส่วนมากเลือกห้องขนาด 29-30 ตร.ม. ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบพร้อมอยู่ ทั้งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยในสถานการณ์ปกติ ผลตอบแทนการลงทุนปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมในภูเก็ต (Rental Yield) ประมาณ 6-10% ต่อปี และผลตอบแทนการขายต่อ (Capital Gain) ประมาณ 5-10% ต่อปี แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจทำให้ผลตอบแทนลดลง แต่คาดว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ฟื้นตัวและดีขึ้นจนเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติหลังมาตรการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และแผนการเปิดประเทศภายใน 120 วัน
นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพของพื้นที่ภูเก็ต ที่ติด 10 อันแรกในรายงานการจัดอันดับ 30 สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2563-2564 (The World's 30 Best Places to Visit in 2020-21) จากการโหวตบนเว็บไซต์ U.S.News & World Report โดยมีงบประมาณการลงทุนของภาครัฐและเอกชนตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน มากกว่า 97,000 ล้านบาท
โดยเน้นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน สนามบิน และระบบราง และการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ของภาคเอกชน เช่น Blu Pearl, Central Festival Phuket, Central Phuket Floresta, King Power จึงสะท้อนความพร้อมสำหรับการลงทุนทางธุรกิจและอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก เชื่อว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ คนทำงาน ให้กลับเข้ามาในพื้นที่ได้อีกครั้ง
“ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ด้วยความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบ และการเข้าสู่การเป็นเมืองสมาร์ทซิตี้ ซึ่งมาตรการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะช่วยผลักดันให้พื้นที่ภูเก็ตกลับมาฟื้นตัวได้ สำหรับภาคการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นก็น่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการปล่อยเช่าหรือซื้อเก็บไว้ขายต่อในอนาคต ด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในกรุงเทพฯ และปัจจัยบวกด้านต้นทุนที่ปัจจุบันหลายโครงการได้มีการทำราคาโปรโมชั่นพิเศษ
โดยในส่วนของพลัสฯ ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเมืองภูเก็ต โดยทีมพนักงานพลัสฯ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 100% ทั้งทีมนิติบุคคลที่ดูแลโครงการที่อยู่อาศัยและทีมพนักงานขาย โดยมีมาตรการป้องกันโควิด-19 สำหรับผู้ที่จะเข้าชมโครงการ ทั้งการตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิ จุดลงทะเบียนไทยชนะ มีหน้ากากอนามัยให้บริการ มีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อและเพิ่มความถี่ของแม่บ้านในการทำความสะอาดจุดสัมผัสเสี่ยงมากขึ้น ติดตั้งเครื่องฆ่าเชื้อในอากาศที่สำนักงานขายที่มีการตั้งเวลาสำหรับฉีดพ่นน้ำยาเป็นระยะ เพื่อรองรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจโครงการที่อยู่อาศัยที่พลัสฯดูแล” นางสาวสมสกุล กล่าว.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง