“ดร.สุชัชวีร์” ถอดบทเรียน 5 ข้อ จาก “โรงงานกิ่งแก้วระบิด”

06 ก.ค. 2564 | 04:40 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2564 | 11:47 น.

“ดร.สุชัชวีร์" นายกสภาวิศวกร  ถอดบทเรียน 5 ข้อ “โรงงานกิ่งแก้วระบิด” ต้องทำ เพื่อให้ "เมืองไทย ปลอดภัยจากภัยพิบัติ ถึงเวลา โรงงานอันตรายควรย้ายออกจากเมือง ชี้ ระเบิดในกทม.-ปริมณฑลแบบนี้ เคยเจอมาตั้งแต่เด็ก ไม่อยากให้ลูกหลานในอนาคต ต้องพบเจอต่อไป

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยี​พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และนายก สภาวิศวกร โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว ไว้อย่างสนใจ เมืองไทย ไม่เคยไกลจากภัยพิบัติ พี่เอ้มีคำตอบเพราะการป้องกัน  โรงงานระเบิดกลางพื้นที่ชุมชนถนนกิ่งแก้ว ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และเส้นทางบางนาสายหลักเข้ากรุงเทพฯ ไฟไหม้รุนแรง และปล่อยก๊าซมลพิษ สร้างความเสียหายรุนแรงต่อสุขภาพคนเมือง และเมื่อปลายปีที่แล้ว ท่อแก๊สระเบิด แถวขอบกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ กลางวันแสกๆ มีผู้เสียชีวิต บ้านเรือนหลายหลังถูกเผาวอดวาย

 

พี่เอ้ ในฐานะนายกสภาวิศวกร (และชาวบ้านคนหนึ่งที่มีครอบครัว) ขอเสนอ 1. การกำหนดพื้นที่เสี่ยง ที่มีโรงงานทำสารเคมี หรือบรรจุสารเคมีในกทม. หรือแนวที่ท่อแก๊สพาดผ่าน ให้ชาวบ้านได้รับรู้รับทราบ และได้พึงระวัง เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ ได้มีการป้องกันตน และการเตรียมการอพยพได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งหน่วยงานดับเพลิงของกทม. และจังหวัดปริมณฑลในพื้นที่เสี่ยง ที่มีโรงงานเคมี จะต้องมีอุปกรณ์ดับเพลิง และอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีแก่นักดับเพลิง ให้พร้อม!

 

2. อาจถึงจุดเปลี่ยน ที่โรงงานอันตราย ควรย้ายออกจากพื้นที่เมือง แน่นอนโรงงานเขาอาจมาก่อน ชุมชนเมืองขยายตามมาเอง แต่รัฐและเมือง ในต่างประเทศ ได้เสนอความช่วยเหลือทางภาษีและอื่นๆ หากโรงงานเต็มใจย้าย (ที่จริง ขายที่ก็กำไรอภิมหาศาล แล้วนำกำไรไปขยายโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมได้!)

 


 

3. สำนักงานเขต หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ต้องขึ้นทะเบียนโรงงานทุกประเภท เพื่อจำแนกประเภทเสี่ยงมาก เสี่ยงปานกลาง เสี่ยงน้อย (ทุกโรงงานมีความเสี่ยง) เพื่อตรวจสอบ ประเมินทุก 6 เดือน และให้โรงงานส่งรายงานการประเมินตนเอง แบบนี้ได้ความกระตือรือร้น ความเสี่ยงต่อชาวบ้าน ลดน้อยลงทันที!

 

4. ต้องรายงานมลพิษ และสารก่อมะเร็งในอากาศ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อประชาชนได้ป้องกันสุขภาพตนเองและครอบครัว เพราะสารอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน ที่เกิดจากเพลิงไหม้เม็ดพลาสติก อันตรายถึงชีวิต

 

5. ถึงเวลาพัฒนานวัตกรรม การควบคุมเพลิงสารพิษ เพราะในอดีตเกิดความสูญเสียของนักดับเพลิงจำนวนมาก เพราะฉีดน้ำช่วยลดความร้อนเท่านั้น มิได้ผลยับยั้งเพลิงจากสารเคมี แต่ต้องใช้โฟมดับเพลิง

 

ระเบิดในกทม.และปริมณฑลแบบนี้ เราเจอมาตั้งแต่เด็ก ไม่อยากให้ลูกหลานเรา ต้องพบเจอต่อๆไป

 

อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.สุชัชวีร์  โพสต์ว่า 5 ข้อต้องทำ เพื่อเมืองไทย ปลอดภัยจากภัยพิบัติ

 

1.กำหนดพื้นที่เสี่ยง พร้อมทีมจัดการหากเกิดเหตุภัยพิบัติให้ชัดเจน

2.โรงงานอันตรายต้องย้ายออกจากชุมชุน

3.โรงงานต้องขึ้นทะเบียนประเภทความเสี่ยง และประเมินทุก 6 เดือน

4.ต้องมีรายงานมลพิษ และสารก่อมะเร็งในอากาศอย่างตรงไปตรงมา 

5.เร่งพัฒนานวัตกรรมการควบคุมเพลิงสารพิษ