นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูปและบริการหลังการขายภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังของ DRT เดินหน้าทำตลาดวัสดุก่อสร้างภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ อย่างต่อเนื่อง
แม้โควิด-19 แพร่ระบาดรุนแรงทำให้ภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์และชะลองานก่อสร้างบางส่วนในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคใต้ 4 จังหวัด เพื่อจำกัดการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงาน ส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อสินค้าบ้าง แต่เบื้องต้น DRT ประเมินว่าจะได้รับผลกระทบต่อยอดขายไม่มากนัก หลังสำรวจความต้องการสินค้าผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อยและห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ยังมีอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคซื้อสินค้าไปต่อเติมและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยในช่วงที่ต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home)
ขณะที่ลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะมีผลกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น ดังนั้น DRT จะใช้ช่วงเวลานี้เร่งผลิตสินค้าเพิ่มปริมาณสต็อก รองรับคำสั่งซื้อลูกค้าทุกกลุ่มที่จะกลับมาฟื้นตัวแรงในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ภายหลังสถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น รวมถึงใช้โอกาสนี้เร่งเคลียร์สินค้าบางรายการที่ยังคงค้างการจัดส่งในช่องทางอื่นๆ และผลิตสินค้าเพื่อเตรียมความพร้อมหากตลาดฟื้นตัว
“เรามองว่ามาตรการล็อกดาวน์และการชะลองานก่อสร้างจะส่งผลกระทบยอดขายบ้างแต่ไม่มากนัก ซึ่งจะใช้ช่วงเวลานี้บริหารจัดการด้านการผลิตสินค้า เพื่อรองรับความต้องการที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวดี หลังสิ้นสุดมาตรการ โดยเราต้องเตรียมความพร้อมด้านสินค้าให้เพียงพอและตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด” นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ DRT คงเป้าหมายการเติบโตทั้งปีที่ 5% แม้มีปัจจัยเสี่ยงภายนอก เนื่องจากได้ประเมินผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกนั้นยังเป็นไปตามแผน จากจุดแข็งของ DRT ที่มีแบรนด์สินค้าเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าและการดำเนินกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งตอกย้ำความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ด้วยแนวคิด ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’ เพื่อสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ตราเพชรที่สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง รวมถึงความสามารถด้านการผลิตที่เพิ่มขึ้น จากการเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ NT-11 ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความหลากหลายในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ รวมถึงวางแผนรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 80% เพื่อบริหารจัดการต้นทุนการผลิตโดยรวมอย่างมีประสิทธิภาพ