LPN ปรับแผน ฝ่ารีเจ็กต์พุ่ง 40-50% เปิดโครงการใหม่ 6.9 พันล้าน

29 ก.ค. 2564 | 03:13 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ค. 2564 | 10:25 น.

LPN ปรับแผน เปิดตัวโครงการใหม่ ครึ่งปีหลัง ส่ง 5 โครงการ มูลค่า 6,900 ล้านบาทเขย่าตลาด ประเดิมแบรนด์ “Villa 168 @ Westgate” เจาะคนรุ่นใหม่ หวังปั้นรายได้รวม 7,000 ล้านบาท บิ๊กบอส โอภาส หวั่นปัจจัยลบ รีเจ็กต์ พุ่ง 40-50%

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งหลังของปี  2564 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ในไตรมาสสองที่ผ่านมาและยังคงต่อเนื่องในไตรมาสสามของปีนี้ ประกอบกับมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 30 วันในเดือนกรกฎาคม 2564 และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดล่าสุดตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้บริษัทมีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการในปี 2564 จากเดิมที่วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 8-9 โครงการ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท

LPN ปรับแผน ฝ่ารีเจ็กต์พุ่ง 40-50% เปิดโครงการใหม่  6.9 พันล้าน ในปี 2564 ปรับเป็นเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 9,600 ล้านบาท โดยเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการ “บ้าน 365 แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง” ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท  และจะเปิดอีก 5 โครงการ มูลค่า 6,900 ล้านบาท ในครึ่งหลังของปี 2564 เป็น โครงการบ้านพักอาศัย 3 โครงการ  มูลค่า 1,400 ล้านบาท และอาคารชุดพักอาศัย 2 โครงการ มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท โดยยังคงตั้งเป้ารับรู้รายได้รวมปี 2564 ไว้ที่ 7,000 ล้านบาทตามแผนเดิมที่วางไว้   

 
“เพื่อทำให้ยอดโอนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  แม้ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 บริษัทได้มีการเพิ่มกลยุทธ์การขายโดยการนำเทคโนโลยีการเข้าเยี่ยมชมโครงการในแบบ 3-D Virtual  Interactive ให้ลูกค้าสามารถเข้าชมโครงการของบริษัทได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นผ่าน 3-D Digital Platform โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่โครงการและเป็นส่วนหนึ่งในการลดการแพร่ระบาดของ COVID-19  เป็นอีกก้าวของการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขายอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น” นายโอภาส กล่าว 

LPN ปรับแผน ฝ่ารีเจ็กต์พุ่ง 40-50% เปิดโครงการใหม่  6.9 พันล้าน การลดจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่จาก 8-9 โครงการ เป็น 6  โครงการ ในปี 2564 นั้น   นายโอภาส กล่าวว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายยอดขายรวมที่ตั้งไว้ที่  10,000 ล้านบาทในปี 2564   ขณะที่ยอดขายในครึ่งแรกของปี 2564 ทำได้ 4,170 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 41.70% ของเป้าหมายยอดขายที่วางไว้  ในขณะที่เรามีสินค้าคงเหลือพร้อมขาย(Inventory) ทั้งอาคารชุดพักอาศัยและบ้านพักอาศัย มูลค่ารวม 9,500 ล้านบาท    และบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อีกมูลค่า 2,700 ล้านบาท  
 

นายโอภาส กล่าวว่า ปัจจุบัน LPN อยู่ระหว่างการปรับปรุง Business Model เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป  โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้รวมแตะระดับ 20,000 ล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งในปี 2564 เป็นปีแรกที่มีการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์องค์กร   ซึ่งจะค่อยๆ เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้บริษัทเดินหน้าในการสร้างการเติบโตกลับมา แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัจจัยกดดันต่อภาพรวมของธุรกิจเข้ามาอยู่   แต่เชื่อมั่นว่า หากปัจจัยที่กดดันได้ผ่านพ้นและคลี่คลายลงไป บริษัทมีความพร้อมที่จะเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างเต็มที่เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 

LPN ปรับแผน ฝ่ารีเจ็กต์พุ่ง 40-50% เปิดโครงการใหม่  6.9 พันล้าน

เปิด 5 โครงการครึ่งหลังของปี 2564 พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Villa 168 @ Westgate”  

 

ในการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี  2564  นายโอภาส กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่สำหรับบ้านพักอาศัย ภายใต้แบรนด์ “Villa 168 @ Westgate” เป็นบ้านพักอาศัยที่ถูกออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว (Privacy) มีเพียง 20 หลัง บนทำเลศักยภาพย่าน บางใหญ่ ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ  มูลค่าโครงการ 226 ล้านบาท และเปิดตัวบ้านพักอาศัยอีก 2 โครงการภายใต้แบรนด์ “ลุมพินี ทาวน์เพลส” ที่ ลาดพร้าว 101-โพธิ์แก้ว มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และ “ลุมพินี ทาวน์วิลล์” ที่ สายไหม 18-สะพานใหม่ มูลค่าโครงการ 562 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ “ลุมพินี วิลล์ จรัญฯ-ไฟฉาย” มูลค่าโครงการ  3,000 ล้านบาท และโครงการ “ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา” มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท โดยจะทะยอยเปิดตัวโครงการเมื่อสถานการณ์ล็อกดาวน์คลี่คลาย 

LPN ปรับแผน ฝ่ารีเจ็กต์พุ่ง 40-50% เปิดโครงการใหม่  6.9 พันล้าน

“อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายได้เร็ว บริษัทอาจจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นโครงการอาคารชุดภายใต้แนวคิดใหม่ที่ตอบโจทย์สำหรับคน Gen Y และ Young Affluent ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีความเป็นส่วนตัว (Privacy) สะดวกสบาย ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีในรูปแบบของ “Smart Residence” ที่เราอาจจะเปิดตัวได้ปลายปีนี้หรือต้นปี 2565 ” นายโอภาส กล่าว  

 

นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2563 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าแนวโน้มของตลาดอสังหาฯ จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดยประมาณการณ์ว่า ตลาดอสังหาฯ จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เติบโตประมาณ 5-10% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯ เร่งเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อมาชดเชยกับสินค้าคงเหลือที่ลดลง เพื่อให้สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องในปี 2565-2567  

 

“ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำและการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการส่งออก เป็นปัจจัยบวกที่กระตุ้นเศรษฐกิจและยอดขายอสังหาฯ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564   อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ยังคงเป็นเรื่องของภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นแตะระดับ 90% ทำให้สถาบันการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Loan) มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงในระดับ 40-50% ประกอบกับความไม่มั่นใจในรายได้ในอนาคตของกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มที่ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อ  ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว บริษัทได้มีแนวทางในการช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

 

โดยบริษัทได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินทำหน้าที่ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) ให้กับลูกค้าในการจัดทำฐานะทางการเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ บริษัทยังมีแคมเปญ “Staff Get Member” เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงเตรียมออกกลยุทธทางการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น” นายโอภาส กล่าว