นายวีระเดช โกวพัฒนกิจ ผู้จัดการการตลาด บริษัท เอสซีจี เซกิซุย-เซลส์ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 ว่า บริษัทฯได้มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยแห่งอนาคตในทุกมิติโดยใช้ระบบโมดูล่าร์ (Modular) ที่แข็งแรงและทันสมัย รวมถึงการพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ที่ใช้เวลาทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home มากขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19
โดยล่าสุด เอสซีจี ไฮม์ ได้พัฒนา 4 แบบบ้านใหม่รุ่น ULTIMATE Series ทั้งบ้านแบบชั้นเดียว และสองชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 346.8 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 14.9 - 17.5 ล้านบาท เจาะกลุ่มคนที่ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง และสร้างบ้านบนที่ดินเดิม พร้อมฟังก์ชั่นดีไซน์พื้นที่ทำงาน รองรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ที่คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น
“ในแต่ละแบบบ้านที่มีความสวยงามและทันสมัยแล้ว เอสซีจี ไฮม์ ยังคงเน้นการใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์การอยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน อาทิ เทคโนโลยีกรองอากาศภายในบ้านที่สามารถช่วยลดปริมาณเชื้อรา สารฟอร์มาลดีไฮด์ ไวรัส และสารก่อภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่นในอากาศก่อนนำเข้าสู่ภายในบ้านทำให้อากาศภายในบ้านสะอาดยิ่งขึ้น ตลอดจนการป้องกันเสียงจากภายนอก ทั้งนี้การออกแบบบ้านจะมีการเพิ่มฟังก์ชั่นรองรับไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัวด้วยพื้นที่ Semi-outdoor เชื่อมต่อในบ้านกับนอกบ้านและเปิดรับแสงธรรมชาติเหมาะสําหรับมุมนั่งพักผ่อน หรือพื้นที่ทำงาน นอกจากนั้นการใช้กระจกจะช่วยให้บ้านดูโปร่ง เรียบหรูมากยิ่งขึ้น ภายในบ้านเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยการแยกส่วนอยู่อาศัยและส่วนใช้งานร่วมกันได้อย่างลงตัว รวมถึงการออกแบบพื้นที่เชื่อมต่อระเบียง (Terrace) ไว้พักสายตาไปยังสวนด้านนอกอีกด้วย”
ทั้งนี้ ปัจจุบัน เอสซีจี ไฮม์ ให้บริการรับสร้างบ้านแบบครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยจากประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย การขออนุญาตก่อสร้าง ออกแบบบ้าน ก่อสร้าง ควบคุมและตรวจสอบคุณภาพงาน งานตกแต่งภายในและส่วนครัว รวมถึงบริการหลังการขาย ซึ่งเปิดให้บริการครอบคลุมใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึง กรุงเทพฯ และปริมณฑล
"ด้วยเทคโนโลยีการก่อสร้างและนวัตกรรมที่โดดเด่นในเรื่องของสุขภาพของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ รวมถึงการพัฒนาโปรดักส์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปิดตัว 4 แบบบ้านใหม่ และการพัฒนาแคมเปญสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำร่วมกับทาง ธอส. นี้ นับเป็นกลยุทธ์การตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายปีที่กระตุ้นกำลังซื้อในตลาดรับสร้างบ้านในภาพรวม และยอดขายของบริษัทได้เป็นอย่างดี พร้อมกับเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ของตลาดในภาพรวมจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในอนาคตอันใกล้” นายวีระเดช กล่าวเพิ่มเติม