ดร.จาง เหลียงกัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ริสแลนด์ได้ร่วมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยมาประมาณ 4 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ ได้แก่ อาร์ติซาน รัชดาฯ (Artisan Ratchada) คลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี (Cloud Thonglor-Phetchaburi) คลาวด์ สุขุมวิท 23 (Cloud Sukhumvit23) เดอะ ลิฟวิน เพชรเกษม (The Livin Petchkasem) สกายไรซ์ อเวนิว สุขุมวิท 64 (Skyrise Avenue Sukhumvit 64) เดอะ ลิฟวิน รามคำแหง (The Livin Ramkhamhaeng) และโครงการบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด 1 โครงการ คือ เลคซีรีน พระราม 2 (Lake Serene) มูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท
“สำหรับปีนี้คาดว่าบริษัทจะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 7,500 ล้านบาท เติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ซึ่งไทยถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์หลักที่ริสแลนด์ให้ความสำคัญ เพราะมีศักยภาพและปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนหลายด้าน อีกทั้งได้วางวางเป้าหมายที่จะเป็น Top 10 ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยด้วย”
นายเนี่ย ซงเซียน ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการขายและการตลาด ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยความที่ริสแลนด์มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ทำตลาดมาแล้วหลายประเทศ ทั้งในสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อินเดีย และอินโดนีเซีย ทำให้มีโนว์ฮาว (Know-how) จากประเทศต่างๆ บริษัทจึงได้นำเทรนด์อสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยระดับโลกเข้ามาปรับใช้กับโครงการในไทย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้พัฒนาโครงการของริสแลนด์ ทั้งการก่อสร้างด้วย Robot รวมถึงระบบการจดจำใบหน้า (Face-Recognition) และการสั่งการด้วยเสียง (Voice Command) สำหรับเข้า-ออกโครงการ เป็นต้น”
“เพื่อให้ริสแลนด์สามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้มากขึ้น บริษัทจึงได้ทำการรีเฟรช (Refresh) แบรนด์เป็นครั้งแรก โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของริสแลนด์ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “อยู่...กับอนาคตที่สดใส (A Brighter Future Living)” ซึ่งยังเป็นสโลแกนของแบรนด์อีกด้วย เพราะมองว่าการเลือกที่พักอาศัยนับเป็นการลงทุนที่สำคัญของชีวิต ดังนั้น ลูกค้าจึงต้องเลือกซื้อโครงการที่ดีและมีคุณภาพ ซึ่งริสแลนด์พร้อมส่งมอบคุณค่าสำหรับอนาคตที่สดใสผ่านแกนหลัก 3C ได้แก่ เชื่อมต่อกับเมือง (Connect to Urbanization), เติมเต็มการอยู่อาศัย (Completed Living) และเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี (Connect Your Tech)”
นายกันติทัต มลทา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาดและแบรนด์องค์กร ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงเป้าหมายของการรีเฟรชแบรนด์ว่า ริสแลนด์ต้องการสร้างการรับรู้ใหม่ด้านภาพรวมของแบรนด์ (Corporate Brand) โดยยึดเจตจำนงของแบรนด์ (Brand Purpose) ที่ต้องการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ของคนในทุกเจเนอเรชั่นให้ดีขึ้นด้วย “บ้าน” ซึ่งหนึ่งในแผนงานของการรีเฟรชแบรนด์คือการปรับโฉมเว็บไซต์ www.risland.co.th ที่ออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพให้รองรับการใช้งานได้กับทุกหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต และโน๊ตบุ๊ค
“เว็บไซต์เปรียบเสมือนทางเข้าบ้านหรือโชว์รูมหลักสำหรับการสื่อสารกับลูกค้า เราจึงสร้างสรรค์เว็บไซต์ใหม่ให้น่าสนใจมากขึ้น ซึ่งมีการจัดทำทั้งหมด 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนกลาง พร้อมทั้งเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่หลากหลาย และสามารถใช้งานได้สะดวก โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลโครงการต่างๆ ของริสแลนด์ได้ง่ายขึ้น สามารถชมโครงการได้แบบ Virtual 360 หรือนัดหมายเยี่ยมชมแบบ Private ก็ได้ รวมถึงลูกค้าสามารถทำการจองซื้อพร้อมชำระเงินออนไลน์ผ่านระบบ Payment Gateway ได้อีกด้วย”
นายกันติทัตกล่าวเพิ่มเติมว่า การรีเฟรชแบรนด์ครั้งนี้ยังเป็นกลยุทธ์ของริสแลนด์ที่ต้องการวางรากฐาน อย่างมั่นคงให้กับธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว โดยจะเป็นสเต็ปสำคัญที่ทำให้ริสแลนด์มีความโดดเด่นมากขึ้น สามารถสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมมากกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงริสแลนด์ว่าเป็นแบรนด์บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกที่สามารถส่งมอบคุณค่าสำหรับอนาคตที่สดใสของการอยู่อาศัยให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง
สำหรับบริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภท ได้แก่ การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย, โครงการเชิงพาณิชย์, การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการพัฒนาและบริหารโครงการสาธารณูปโภค เป็นต้น โดยริสแลนด์มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมภายใต้แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในการ สร้างความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคมไทย