19 พ.ย.2564 - รีวิว แสนสิริ ปั้น "โรงแรม เดอะสแตนดาร์ด หัวหิน " (The Standard Hua Hin) สู่ ไลฟ์สไตล์ บูติกโฮเต็ล ระดับโลก เป้าหมาย ขึ้นแท่น เดสซิเนชั่นห้ามพลาด ปลุกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย รับเปิดประเทศ
นับเป็นเวลากว่า 30 ปี ตั้งแต่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เข้ามาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกในหัวหิน ผ่านโครงการ “บ้านไข่มุก” คอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี่ติดชายหาดระดับตำนาน ห้องขนาด 242 ตารางเมตร ซึ่งครั้งเปิดตัวมีราคาขาย 7 ล้านบาทต่อยูนิต สู่การขายเปลี่ยนมือ ล่าสุด ทำราคาแพงสุดที่ 80 ล้านบาท ขึ้นแท่น เป็นโครงการเฟล็กชิฟของแสนสิริที่อากาศดีที่สุดและแพงที่สุด
ถัดมาวันนี้ แสนสิริ นับเป็นเจ้าตลาดอสังหาฯ ในหัวหิน อย่างเต็มตัว ผ่านจำนวนโครงการที่ตั้งอยู่มากถึง 25 โครงการ ปีละไม่ต่ำกว่า 1-2 โครงการ และกินมาร์เก็ตแชร์ตลาดสูงสุด โดยแต่ละโครงการสร้างเอกลักษณ์ ดึงดูดผู้ซื้อกลุ่มบ้านหลังสอง และนักลงทุนรายย่อยได้อย่างดี
เช่น โครงการ "ลา ฮาบานา " คอนโดตากอากาศแห่งใหม่ มูลค่ากว่า 2,400 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างเปิดขาย มีดีไซน์โดดเด่น แฝงเอกลักษณ์ ชูแรงบันดาลใจเมืองตากอากาศระดับโลก Havana ประเทศคิวบา
บทบาทข้างต้น ทำให้ แสนสิริ เป็นที่ยอมรับของลูกค้ากลุ่มโครงการที่พักอาศัยในหัวหินมาอย่างยาวนาน ขณะล่าสุด ภายใต้สถานการณ์โควิด ชะลอการลงทุนเปิดโครงการใหม่ไป 2 ปี ได้ใช้โอกาสนี้ เปิดบริบทใหม่ของการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์อีกขั้น ประเภท โรงแรม - รีสอร์ท
ซึ่งไม่ได้มีแค่แต้มต่อจากความนิยมในตัวผู้พัฒนา และทำเลอย่างเก่า แต่มาพร้อมกับแบรนด์โรงแรมด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลก (The Standard) ที่มีอิทธิพลที่สุดในธุรกิจบูติกโฮเตล เพื่อมาเขย่าตลาดท่องเที่ยวไทย พ่วงต่อยอดในธุรกิจอสังหาฯในอนาคนตอีกด้วย
ปั้นที่ดินติดหาดตระกูล "กฤดากร" สู่โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน
หลังจาก การเข้าไปถือหุ้นใหญ่ 62% ของแสนสิริ ใน Standard International (สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล) เครือโรงแรมระดับโลก ที่มีชื่อเสียงในนิวยอร์ก ,ไมอามี่ ,ลอนดอน และอีกหลายเมืองทั่วโลก เมื่อช่วงปี 2560 โดยโรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน ถือ เป็นการลงทุนครั้งแรก 100% ของแสนสิริ ด้วยเม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาท สำหรับการปั้นโรงแรมของตัวเอง โดยใช้ แบรนด์ เดอะ สแตนดาร์ด จากก่อนหน้ามีพอร์ตโรงแรมในมือรวม 2 แห่ง จากการทำเพิ่ม เพื่อเสริมรับกับโครงการที่พักอาศัยในอาณาบริเวณเดียวกัน ได้แก่ เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่ (เดิม : เอสเคป เขาใหญ่ ) และ เดอะ เภรี โฮเต็ล หัวหิน (เดิม: เอสเคป หัวหิน)
" ฐานเศรษฐกิจ" ร่วมสัมผัสประสบการณ์จริงการเข้าพักในโรงแรมเดอะสแตนดาร์ดหัวหิน และเจาะสัมภาษณ์ผู้บริหารคนสำคัญ นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่ง เปิดเผยว่า แสนสิริมีความคุ้นเคยกับตลาดหัวหินมาอย่างยาวนาน ได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทย (คนกรุงเทพฯ) และลูกค้าชาวต่างชาติ โดยครั้งนี้ต้องการกลับมาเขย่าตลาดอสังหาฯอีกครั้ง ในกลุ่มธุรกิจใหม่
หลังจากช่วง 2 ปีก่อน ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของที่ดิน "ตระกูลกฤดากร" เปิดที่ดินแปลงสวย หายากใจกลางเมืองหัวหิน บริเวณซอยหัวหิน 65 (ถนนนเรศดำริห์) ขนาด 15 ไร่ ซึ่งมาพร้อมกับบ้าน 1 หลัง และต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้น อายุนานสุด 30 ปี มาพัฒนาเป็นโปรเจ็กต์ที่ดี - มีมูลค่า ในลักษณะสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี (ลิสต์โฮลด์)
จึงเนรมิตเป็นโรงแรม 5 ดาว ชูจุดเด่นในฐานะรีสอร์ตสุดฮิพติดชายหาด ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ ผ่านแฟชั่น รสนิยม ความล้ำสมัย พร้อมกิจกรรมไลฟ์สไตล์ฉีกมาตรฐานโรงแรมที่เคยรู้จักให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวได้สัมผัส อันจะทำให้ภาพโรงแรมในสายตาของคนไทยจะเปลี่ยนไปแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน (Upside Down) โดยโรงแรมเดอะสแตนดาร์ดหัวหิน มีห้องพัก 178 ห้อง และวิลล่า 21 หลังติดหาดหัวหิน ราคาเฉลี่ยห้องพัก 6,000 บาท/คืน (วิลล่า 15,000 - 30,000 บาท)
"ปกติแสนสิริ ธุรกิจหลัก คือ การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย แต่ที่ดินแปลงนี้มีศักยภาพสูง และเจ้าของที่ดินไม่ได้ต้องการจะลงทุนเอง แต่อยากเห็นโปรเจ็กต์ที่ดี มีแวลู เราดูที่ดินมาหลายแปลง และเจอโลเคชั่นนี้ติดหาก แรกมีแนวคิดจะพัฒนาเป็นคอนโดฯ แต่ด้วยเป็นสัญญาเช่าระยะยาว ประเมินแล้วว่า การปรับมาพัฒนาเป็นโรงแรมก่อน ทุ่ม 800 ล้าน คุ้มค่าทั้งปัจจุบัน และในอนาคตที่จะเทรินกลับมายังธุรกิจหลักของเรา อาจนำไปต่อยอดเข้ากองรีท , พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ หรือ พลิกเป็นที่อยู่อาศัยก็ได้เช่นกัน โดยใช้แบรนด์ที่เข้าไปถือหุ้นใหญ่มาปักหมุด ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการทำการตลาดของแสนสิริที่ช่วงที่ผ่านมาสะท้อนภาพเชิงไลฟ์สไตล์ในทุกแง่ ผ่านความร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆในทุกอุตสาหกรรม ครั้งนี้ก็เช่นกัน"
หัวหิน เมืองเดสติเนชั่น อัตราเข้าพักสูงสุด
สำหรับ มุมมองต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยนั้น คาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวในหัวเมืองใหญ่ใกล้กรุงเทพฯ จะฟื้นตัวก้าวกระโดด ฉะนั้น การเลือกเปิด The Standard, Hua Hin (เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน) ในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 นี้ จะรับดีมานด์ความต้องการท่องเที่ยวของคนไทยและต่างชาติที่จะเข้ามาต่อเนื่อง ภายหลังการเปิดประเทศและคนกล้าเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
นายอุทัย ระบุต่อว่า หัวหินนับเป็นเมืองที่เหมาะสมในการเปิดตัวรีสอร์ตติดชายทะเลโครงการแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวของเมืองชายทะเลอย่างหัวหินมีแนวโน้มสดใสเมื่อเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในประเทศไทย เพราะพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลักถึง 70% และปัจจุบันมีอัตราเข้าพักสูงกว่าเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง พัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพฯ อย่างชัดเจน
โดยข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์แนวโน้มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยระบุว่า 5 เดือนจากนี้ (พ.ย. 2564 - มี.ค. 2565) ซึ่งตรงกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซัน จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน ใช้จ่ายเฉลี่ย 60,000 บาทต่อคน ด้านนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่าร้อยละ 44 โดยเฉพาะกลุ่มคนกรุงเทพฯ มีการวางแผนการเดินทางในช่วงปลายปี 2564 โดยคาดการณ์ว่าที่พักประเภทรีสอร์ตที่มีความเป็นส่วนตัวในเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ จะได้รับความนิยมสูงสุด
"ประเทศไทยหลังโควิด เศรษฐกิจฝากไว้กับภาคท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อสัดส่วนจีดีพีถึง 20% แม้ภาคส่งออก และภาคการเกษตรรองรับ แต่แนวโน้มทั้ง 2 อุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยเติบโต ส่งออกหักลบการนำเข้า รายได้ที่เกิดขึ้นมีเพียงค่าแรงงาน ขณะราคาสินค้าเกษตร ตกต่ำ ผลักดันจีดีพีไทยได้ไม่ถึง 10% สิ่งที่เห็นเม็ดเงินชัดเจนมากที่สุด คือ ท่องเที่ยวทั้งที่มาจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และ ต่างประเทศ คาดการณ์ค่าใช้จ่ายต่อหัว ราว 6 หมื่นบาท ท่องเที่ยวมีความสำคัญมากๆ ต่ออุตสาหกรรมอื่นๆด้วย เทียบปี 2562 ที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยว 39 ล้านคน ปีนั้นแสนสิริ สามารถทำยอดรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยให้ชาวต่างชาติหลักหมื่นล้านบาท เป็นต้น"
ทั้งนี้ ประเมินว่า ด้วยรูปแบบของโรงแรมเดอะสแตนดาร์ดหัวหิน ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา รองรับ New Normal พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากโควิดอย่างชัดเจนแล้ว ผ่านความผูกพันธ์กับไลฟ์สไตล์ ให้ประสบการณ์กับผู้เข้ามาพักผ่อน ในรูปแบบต่างๆ บนสถานที่ที่ไม่แออัด มีความเป็นส่วนตัวจะได้รับความนิยมสูงนับจากนี้
เดอะ สแตนดาร์ด เชื่อมั่นตลาดไทย
ด้าน นายบริพัตร หลุยเจริญ Managing Director , Standard Asia กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างหัวหิน ได้อานิสงค์เชิงบวก และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับเมืองชายหาดอื่นๆ อย่างภูเก็ต หรือ พัทยา ในช่วงสถานการณ์โควิด โดยยังมีการไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวกลุ่มแฟมิลี คู่รัก เข้ามาพักผ่อนหลังมีการปลดล็อกการเดินทางในแต่ระลอก
ทั้งนี้ เดอะ สแตนดาร์ด หนึ่งในไลฟ์สไตล์บูติกโฮเต็ลที่ดีที่สุดในโลก และเป็น A Place to be Seen ของเหล่าเซเลบริตี้ทั่วโลกมากมาย เช่น จัสติน บีเบอร์, มาดอนน่า, บิยอนเซ่ เป็นที่รู้จักในนิวยอร์ก, ไมอามี่, ลอนดอน และอีกหลายเมืองทั่วโลก รวม 6 แห่ง นับเป็นของใหม่ที่ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่เป็นครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย เราเล็งเห็นโอกาสอีกมาก ที่จะสร้างความคึกคัก สีสันให้กับการท่องเที่ยวของไทย ที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวกลับมาอย่างเร็ว เทียบกรณีในนิวยอร์ก หลังผ่านพ้นจุดวิกฤติที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด การเข้าถึงอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมของพลเมือง โรงแรมฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รายได้ดีดกลับมาดีกว่าช่วงก่อนปี 2019 ด้วยซ้ำ
ยอดจองเข้าพักคักคึก เต็ม 100% ช่วง Weekend
ทั้งนี้ แม้โรงแรมยังไม่เปิดให้บริการ แต่ปัจจุบันมียอดจองเข้าพักเข้ามาอย่างน่าพอใจ โดยในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ตลอดเดือนธันวาคม เต็มแล้ว 100% ประเมินช่วงปี 2564 อัตราเข้าพักเฉลี่ยจะทำได้สูง 50-60% ราคาห้องพักเฉลี่ย ราว 6,000 บาทต่อคืน ขณะส่วนวิลล่าเริ่ม 15,000 - 30,000 บาท ซึ่งจะเป็นส่วนผลักดันรายได้โดยตรงให้กับแสนสิริสำหรับพอร์ตโรงแรม ที่ตั้งเป้าไว้ราว 500 ล้านบาทต่อปี คาดการณ์ระยะ 10 ปีคืนทุน
สำหรับแผนการลงทุนของเดอะสแตนดาร์ดในระยะสั้น นายบริพัตร ระบุว่า นอกจากการเปิดตัว เดอะสแตนดาร์ด หัวหินแล้ว แฟลกชิปในเอเชียอีก 1 แห่ง The Standard, Bangkok Mahanakhon มีกําหนดเปิดในช่วงเดือน พ.ค. 2565 เช่นกัน โดยระยะ 3-4 ปีข้างหน้ามีแผนปักหมุดใหม่ ราว 12 แห่ง จาก 3 แบรนด์ ได้แก่
ซึ่งจุดเด่นของเดอะสแตนดาร์ดจะเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังในธุรกิจบูทีคโฮเทล ที่มีความเป็นเอกลักษณ์มีวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ แฟชั่น ดนตรีและไนท์ไลฟ์ ทั้งในสิงคโปร์ ช่วงปี 2023 , ออสเตรเลีย ปี 2024 ,กทม. อีก 1 แห่ง ปี 2024 รวมถึง ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย และดูไบอีกด้วย
เปิดจุดเด่น- ซิกเนเจอร์ โรงแรมเดอะสแตนดาร์ดหัวหิน เปิด 1 ธ.ค. นี้
สำหรับโรงแรม The Standard, Hua Hin มีจุดเด่ของทำเล ซึ่งรายล้อมไปด้วยบรรยากาศร่มรื่น ท่ามกลางภูมิทัศน์อันสวยงามของธรรมชาติ และอ่าวทะเลไทย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหัวหิน ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตลาดซีฟู้ดสดใหม่ ร้านอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ รีสอร์ตประกอบด้วยห้องพัก ห้องสวีท และวิลล่า โดดเด่นด้านงานดีไซน์ที่ถูกออกแบบด้วยสีสันสบายตาทั้งหมด 199 ห้อง เสริมด้วยสระว่ายน้ำที่ชวนให้นึกถึงโรงแรมต้นแบบอย่าง The Standard Spa, Miami Beach แต่ละห้องจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ตั้งแต่เตียงสุดนุ่ม เรนชาวเวอร์ อ่างอาบน้ำเพื่อให้คุณได้ผ่อนคลายระหว่างการเข้าพัก ไปจนถึงสระน้ำส่วนตัวภายในวิลล่า
นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีห้องอาหารและบาร์ Lido รองรับคนรักสุขภาพด้วย The Juice Café คาเฟ่มีให้ครบจบที่เดียวกับเมนูเครื่องดื่มหลากชนิดตั้งแต่กาแฟคั่วสด สมูทตี้ น้ำผลไม้คั้นสดหรือสกัดเย็น และของทานเล่นแบบเฮลท์ตี้
นอกจากนี้ยังมี Praça บ้านพักตากอากาศดั้งเดิมของราชนิกุลที่ได้รับการบูรณะใหม่อย่างไร้ที่ติ เสิร์ฟอาหารไทยสไตล์อิซากายะ รสชาติดั้งเดิมจับคู่กับค็อกเทลหรือไวน์เลิศรส
บริการและกิจกรรมของโรงแรม The Standard, Hua Hin
โรงแรม ยังมี The Spa พลิกโฉมประสบการณ์การทำสปาแบบเดิมๆ ให้ไม่เหมือนเคย ตกแต่งด้วยโทนสีสันสดใสแต่เรียบง่ายสบายตาเข้าถึงความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับห้องทรีตเมนต์ส่วนตัวสี่ห้องทั้งแบบคู่และแบบเดี่ยว ตามด้วยเทอราปิสผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมฟื้นฟูความกระปรี้กระเปร่าผสมผสานการทำทรีตเมนต์แบบดั้งเดิมให้คุณรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และสดชื่น
อีกทั้ง 2 กิจกรรมซิกเนเจอร์ที่มีเฉพาะที่ The Standard, Hua Hin ในเมืองหัวหิน ได้แก่ Singing Bowl คลื่นเสียงบำบัดมอบความผ่อนคลายจากเสียงก้องกังวาลของขัน เพื่อให้ความสั่นเข้าไปสั่นสะเทือนมวลน้ำในร่างกายให้ธาตุไม่ดีตกตะกอน และ Mud Lounge การพอกโคลนสีสันนำเข้าจากประเทศแคริบเบียน ตามธาตุทั้ง 4 ได้แก่ สีเทาสำหรับธาตุลม, สีชมพูสำหรับธาตุไฟ, สีเขียวสำหรับธาตุน้ำและสีเหลืองสำหรับธาตุดิน ตลอดจนกิจกรรมไลฟ์สไตล์แบบจัดเต็มตอกย้ำความแตกต่างของไลฟ์สไตล์แบรนด์ของ The Standard ตลอดเดือนธันวาคมนี้ กับ Pool Party, Wellness Retreat by Note Panayangkul x DJ Myle และ Christmas and New Year Party