2 ธ.ค.2564 - โลกกำลังก้าวจาก Climate Change สู่ Climate Crisis ที่กำลังเป็นวิกฤตขั้นสุดต่อมวลมนุษยชาติ ขณะ การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 หรือ COP26 ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 64 ที่ผ่านมา
โดยมีการบรรลุข้อตกลงทางประวัติศาสตร์เพื่อควบคุมปัญหาการเปลี่ยงแปลงสภาพแวดล้อม ด้วยเป้าหมายให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 หรือ พ.ศ. 2593 เพื่อจัดการกับภาวะโลกร้อน นับเป็นอีกสัญญาณ ที่บ่งชี้ว่า ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้อย่างมาก
ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ประกาศว่า แสนสิริ จะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกในเมืองไทยที่ตั้งเป้าหมาย Net-Zero เพื่อเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ กู้วิกฤตสิ่งแวดล้อมโลก
โดยระบุ แสนสิริ เป็น บริษัทจดทะเบียนหลักทรัพย์ อีกทั้งอยู่ในอุตสาหกรรมที่ใหญ่มาก และเป็นกลไกสำคัญของภาคเศรษฐกิจไทย ที่ผ่านมา มี 4 แกนหลัก ที่ต้องใส่ใจดูแล ได้แก่ ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น และ สังคม ตลอดเวลา บริษัทต่างๆ มักให้ความสำคัญกับรายได้ ยอดขาย และกำไร แต่ละเลยต่อประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับอนาคตของโลก อย่าง สิ่งแวดล้อม
จนปัจจุบัน กลายเป็นเป็นวิกฤติเร่งด่วนที่ต้องหยุดยั้ง เพราะโลกร้อนขึ้น อุณหภูมิสูงขึ้น ก่อเกิดภัยพิบัติ ที่มีระดับความรุนแรงทวีมากขึ้นและบ่อยขึ้น ดังจะเห็นได้จากสัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกของเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งธารน้ำแข็งขั้วโลกละลาย คลื่นความร้อนในยุโรป ไฟป่าที่ออสเตรเลีย รวมถึงน้ำท่วมอย่างรุนแรงจากภาวะฝนที่ตกหนักอย่างผิดปกติในหลายประเทศ
ทั้งนี้ หลังจากมองว่า ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกขณะ และตระหนักดีว่าเป็นปัญหาหลักของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง ทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนต้องร่วมมือกันเพื่อการดูแลโลกให้ยั่งยืนอย่างเร่งด่วน
แสนสิริในฐานะผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์และมีผลต่อภาคเศรษฐกิจ จำเป็นต้องลุกขึ้นมา ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้กำหนดเป้าหมายในการทำธุรกิจเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอยู่ก่อนแล้ว แต่ วันนี้ แสนสิริขอประกาศภารกิจสำคัญอีกครั้ง ในการนำองค์กรเข้าสู่การเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่ร่วมแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อม ด้วยการประกาศเป้าหมายสู่การเป็น Net-zero องค์กรอสังหาริมทรัพย์แรกในประเทศไทยที่วางพันธกิจในการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์อย่างเต็มรูปแบบในอนาคตอันใกล้
ขณะเดียวกัน เห็นว่า การที่รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทำข้อตกลงระดับนานาชาติ COP26 ตั้งเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 หรือ พ.ศ. 2593 เพื่อจัดการกับภาวะโลกร้อนนั้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อประเทศไทย โดยต้องการให้รัฐบาลเร่งออกนโยบายสำคัญ พร้อมแนวทางที่เป็นโรดแมปเพื่อให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะภาคเอกชนได้เข้าไปมีส่วนตัว เพราะข้อตกลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จริง ต้องมาจากพลังบวกของทุกภาคส่วนในการร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ยังระบุว่า โลกเราได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นในทุกปี มีเพียง ปี 2563 ที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง เนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก แต่ IEA ได้คาดการณ์ว่าใน พ.ศ. 2564 การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กลับมาเพิ่มขึ้นเกือบเท่าระดับของ พ.ศ. 2562
" รหัสแดงเตือนภัยมนุษยชาติ เป็นไฮไลท์สำคัญ กระตุกให้เราได้คิด หากไม่เร่งแก้ไข โลกอาจจมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่ผ่านมา แสนสิริให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมาโดยตลอด เกี่ยวพันกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ "
นายเศรษฐา ยังระบุอีกว่า การคนไทยหันมาใช้รถไฟฟ้า EV , พลังงานสะอาด หรือ นิยมติดตั้งโซลาร์รูฟมากขึ้น ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน อย่างไรก็ตาม ต้องการให้รัฐบาล สนับสนุน หรือ เพิ่มโอกาสให้กับคนเหล่านั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
" ในรูปธรรม เป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐจะสนับสนุน ผ่านอัตราดอกเบี้ยพิเศษ กู้สินเชื่อได้ถูกลง สำหรับกลุ่มคน Go Green จูงใจให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการรักษ์โลก ขณะเดียวกัน ในภาพใหญ่ รัฐต้องเร่งออกนโยบายเรื่องนี้ เพราะหากประเทศไหนไม่ให้ความร่วมมือ อาจโดนกีดกั้นการค้าจากกำแพงภาษี ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถการแข่งขันของไทยด้วย "
"อยากเสนอให้รัฐพิจารณา หากองค์กรไหน ริเริ่ม Net-zero มียุทธศาสตร์ตั้งใจทำเพื่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ในทางสนับสนุน ควรมีข้อยกเว้นในการเข้าถึงเงินทุน หรือ กฎระเบียบให้ง่ายขึ้น เพื่อให้เพิ่มเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มธุรกิจเหล่านั้น จูงใจให้ทุกคนเข้ามาช่วยกัน "
กระบวนการขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ 4 ด้านหลัก สู่ Net-zero
รวมถึงไฟถนนในโครงการแสนสิริทุกโครงการใหม่จะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 100% ในปี 2030 (พ.ศ. 2573) เช่นกัน (ปัจจุบันไฟส่องสว่างในสวนส่วนกลางในทุกโครงการใหม่เป็นไฟที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 100%) ถัดมาคือการใช้รถยนต์พลังงานสะอาดด้วยการเปลี่ยนรถผู้บริหารทุกคันของบริษัทเป็นรถ EV ในต้นปี 2021 (พ.ศ. 2564) และได้ติดตั้ง EV Charger ในทุกโครงการในปี 2025 (พ.ศ. 2568) รวมถึงจะติดตั้งในบ้านทุกหลังภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ถัดมาคือการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยจะเริ่มใช้ในสัดส่วน 50% ในปี 2022 (พ.ศ.2565) และเพิ่มเป็น 70% ในปี 2025 (พ.ศ.2568) ของวัสดุที่แสนสิริจัดซื้อ รวมถึงการมุ่งสู่บ้านประหยัดพลังงาน โดยภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) บ้านโครงการใหม่ของแสนสิริ 50% จะเป็นบ้านเย็นและประหยัดพลังงาน (Cooliving Designed Home) และเพิ่มขึ้นเป็น 70% ใน 2030 (พ.ศ. 2573) ตลอดจนบ้านแสนสิริทุกหลังต้องใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 ทุกชิ้น และใช้หลอดไฟ LED ประหยัดพลังงานทุกดวง นอกจากนี้การก่อสร้างในทุกโครงการต้องลดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยขยะจากการก่อสร้างจะนำมารีไซเคิลและรียูสได้ 70% ภายใน 2025 (พ.ศ. 2568) รวมถึงกระบวนการผลิตของโรงงานพรีคาสต์ จะก่อให้เกิดขยะไม่เกิน 2% ภายใน 2022 (พ.ศ. 2565) และที่สำคัญทุกโครงการแสนสิริต้องมีระบบ Waste Management เพื่อลดคาร์บอนและขยะสู่โลก โดยทุกโครงการต้องมีถังแยกขยะ (Waste to Worth) และมีเป้าหมายจับมือพันธมิตรเพื่อให้การแยกขยะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
" โมเดลของแสนสิริจะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนการมุ่งสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุถึงเป้าหมาย Net Zero ที่ได้ให้ไว้กับประชาคมโลก ซึ่งแสนสิริเองเราขออาสาที่จะทำภารกิจนี้อย่างจริงจังและเร่งด่วนใน 4 มิติ Process- Product – Partners – Investment เพื่อเข้าสู่เป้าหมาย Thailand’s First Real-Estate Company to Set Target for Net-zero หรือรายแรกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่กล้าประกาศตั้งเป้า Net-zero อย่างเป็นรูปธรรม "