การประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์การสหประชาติ (UN) หรือ COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ได้ปิดฉากลงแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 พ.ย.) หลังขยายเวลาจากกำหนดการเดิมออกมาอีก 1 วัน ขณะที่ผู้ร่วมเจรจาให้ความเห็นชอบข้อตกลงระดับโลกฉบับใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพอากาศ
ทั้งนี้ ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมเกือบ 200 ประเทศมีมติเห็นชอบใน ข้อตกลงกลาสโกว์ว่าด้วยการแก้ไขสภาพอากาศ (Glasgow Climate Pact) หลังเสร็จสิ้นการประชุม COP26 ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) โดยประเด็นที่มีความคืบหน้ามากที่สุด คือ
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ในช่วงวันท้าย ๆ ของการประชุม จีนและสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในช่วงทศวรรษที่ 2020 โดยหลายฝ่ายได้แสดงความยินดีเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวครั้งนี้ โดยมองว่าจะเป็นการกระตุ้นให้ทั่วโลกดำเนินการร่วมกันมากขึ้น
ทั้งนี้ สหรัฐและจีนเห็นชอบที่จะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศในทศวรรษนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมถึงกระบวนการพหุภาคีอื่น ๆ
ยังมีการบ้านที่ต้องกลับไปทำต่อ
แม้ว่าการประชุม COP26 จะได้ข้อสรุปในภาพรวม แต่ก็ยังคงมีบางประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่อง “การระดมทุน” เพื่อแก้ปัญหาสภาพอากาศ โดยก่อนหน้านี้ หลายประเทศได้ให้คำมั่นที่จะเพิ่มการให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านกองทุน Adaptation Fund หลังจากมีการขอความร่วมมือประเทศที่พัฒนาแล้วให้เพิ่มการสนับสนุนดังกล่าวแก่ประเทศกำลังพัฒนาภายในปี 2568
อย่างไรก็ดี ยังต้องรอดูกันต่อไปว่าประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้น จะปฏิบัติตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่
ย้อนไปในปี 2552 ประเทศที่ร่ำรวยได้ให้คำมั่นจะสนับสนุนงบประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อช่วยเหลือประเทศรายได้น้อยภายในปี 2563 แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะที่รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ระบุว่า การบรรลุเป้าหมายข้างต้นอาจต้องใช้เวลาออกไปจนถึงปี 2566
สำหรับการประชุม COP ครั้งต่อไปจะมีอียิปต์เป็นเจ้าภาพ โดยข่าวระบุว่า อียิปต์จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศขององค์การสหประชาชาติ (UN) หรือ COP27 ในปี 2565 ที่เมืองชาร์ม เอล ชีค