2 ก.พ.2565 - นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพครบวงจร เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวให้เห็น จากมาตรการเปิดประเทศของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2565
เช่น โครงการ "คนละครึ่งเฟส 4" โครงการ "ช้อปดีมีคืน 2565" และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับผลดีจากการเปิดให้คนต่างชาติซื้ออสังหาฯ ในไทย และมาตรการสินเชื่อบ้าน LTV (Loan-to-value ratio) ที่ให้คนซื้อบ้านขอสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) 100% (กู้ได้เต็มมูลค่าหลักประกัน) สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
อีกทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ จากเดิมร้อยละ 2 และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากร้อยละ 1 เหลือเพียงร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อขายบ้านเดี่ยว บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร และห้องชุดราคาประเมินไม่เกิน 3 ล้านบาทจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับคนที่ต้องการอยากมีบ้านได้ยื่นขอสินเชื่อซื้อบ้านทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญๆ ของประเทศ
ในส่วนแผนกลยุทธ์ปี 2565 นายณพงศ์ กล่าวว่า หัวใจหลักของแผนดำเนินงานของ โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เป็นการต่อยอดความสำเร็จในแต่ละทำเลเศรษฐกิจสำคัญที่ทางบริษัทฯ ได้เข้าไปพัฒนาโครงการ ได้แก่ ขอนแก่น พัทยา และภูเก็ต
ด้วยศักยภาพที่โดดเด่นของทั้ง 3 ทำเล สามารถตอบโจทย์เรียลดีมานด์การซื้อที่อยู่อาศัยได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่เอง หรือซื้อเพื่อลงทุนสร้างผลตอบแทนในอนาคต จากโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงซึ่งขึ้นอยู่กับโอกาสและความต้องการในแต่ละทำเลเป็นหลัก และแม้จะเป็นช่วงเวลาของการระบาดโควิด-19 ก็ตาม ทั้งนี้ นอกจากดีมานด์ของคนในพื้นที่แล้ว โครงการที่ตั้งในจังหวัดท่องเที่ยวก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติเช่นกัน
โดยภาพรวมปี 2564 บริษัทฯ ยังคงรักษาระดับรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2563 โดยมาจากรายได้จากอสังหาฯ เพื่อการขาย 400 ล้านบาท และรายได้จากการปล่อยเช่าประมาณ 600 ล้านบาท จาก โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ โรงแรมเมอเวนพิค อัสสรา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน รวมถึงสำนักงานให้เช่า 2 แห่ง ได้แก่ โอเชี่ยน ทาวเวอร์ 1 และโอเชี่ยน ทาวเวอร์ 2
ทั้งนี้ โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ลงทุนกว่า 200 ล้านบาทในการรีโนเวทโรงแรม โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ ครั้งใหญ่ ให้มีความทันสมัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวที่มากันเป็นครอบครัว ตอบสนองความต้องการในช่วงวันหยุดพักผ่อนกับคนทุกเจนเนเรชั่นได้ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะได้อวดโฉมโรงแรมใหม่และเปิดให้บริการกลางปี 2565 นี้
สำหรับตลาดอสังหาฯ จังหวัดขอนแก่น ทางบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการล่าสุด “โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ-ขอนแก่น” คอนโดมิเนียม 8 ชั้น จำนวน 236 ยูนิต อยู่ติดโรงพยาบาลราชพฤกษ์ (ใหม่) เพียง 50 เมตร ซึ่งใกล้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น และสถานศึกษาชั้นนำของขอนแก่น ราคาเริ่มต้นเพียง 1.39 ล้านบาท โดยมียอดขายแล้วกว่า 80% คาดว่าจะสร้างเสร็จและรับรู้รายได้จากการโอนช่วงปลายปี 2565
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก โครงการ “โอเชี่ยน เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ – ขอนแก่น” ซึ่งเป็นโครงการแรกของบริษัทฯในจังหวัดขอนแก่น พบว่าดีมานด์ในตลาดยังเติบโตได้ดีแม้ในสถานการณ์โควิด-19 จากกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุน โดยอัตราผลตอบแทนการลงทุน (Capital Gain) จากการซื้อมาและขายออกไปอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 5-10% ขณะที่การสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Yield) จะอยู่ที่ 5-7% นับเป็นตัวเลขที่มากกว่าผลตอบแทนจากการออมประเภทบัญชีเงินฝากในปัจจุบัน
ด้านตลาดพัทยา เมืองที่เป็นไปด้วยโอกาสด้านการท่องเที่ยว การอยู่อาศัย และการลงทุนด้านอสังหาฯ ในกลุ่มกำลังซื้อคนไทยที่ต้องการมีบ้านหลังที่ 2 ในเมืองท่องเที่ยว และชาวต่างชาติ โครงการโอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) สไตล์โมเดิร์น สูง 37 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ กับบรรยากาศในแบบ “มารีน่า ไลฟ์สไตล์” เพียงแห่งเดียวริมท่าจอดเรือยอช์ทหรูระดับเวิลด์คลาสขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.9 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายกว่า 90% โดยล่าสุดได้เปิดตัวห้องตัวอย่าง 2 ดีไซน์ใหม่ในสไตล์ Contemporary และ Scandinavian อีกทั้งเตรียมโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายเพื่อปิดโครงการอีกด้วย
ส่วนจังหวัดภูเก็ต นายณพงศ์ กล่าวว่า ตลาดแนวราบยังมีเรียลดีมานด์ของคนที่ต้องการอยากมีบ้านเป็นของตัวเองอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่ง โอเชี่ยน ทาวน์ เมือง-รัษฎา เป็นโครงการทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์สไตล์โมเดิร์น พื้นที่กว่า 20 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนศรีสุทัศน์ ในตัวเมืองจังหวัดภูเก็ต จำนวน 187 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพทั้งการอยู่อาศัยและทำธุรกิจ เพราะการเชื่อมต่อในการเดินทางจากแหล่งสำคัญๆ ของจังหวัด ได้แก่ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล และ ศูนย์การค้า และบริษัทฯ ได้ทำการวางแผนลุยต่อเฟส 4 ซึ่งเป็นเฟสสุดท้ายของโครงการภายในปีนี้
นอกจากการรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นในปี 2565 ในส่วนของการบริหารอย่างสมดุลและลดความเสี่ยงก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยบริษัทฯ เน้นทำงานที่ครอบคลุมทั้งตลาดแนวราบและแนวสูง ซึ่งการพัฒนาพอร์ตสินค้าในลักษณะนี้จะช่วยให้ธุรกิจในภาพรวมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ในทุก ๆ สถานการณ์ พร้อมกันนี้ก็ให้ความสำคัญกับการเดินเกมรุกเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ
“อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนว่าจะดำเนินไปอย่างไรในไทย และมีผลมากน้อยแค่ไหนกับตลาดอสังหาฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางเอาไว้ และเตรียมความพร้อมปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็คาดหวังว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตมากกว่าที่ทำได้ในปี 64” นายณพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย