5 พฤษภาคม 2565- นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด (SE) เปิดเผยว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นศึกษาและวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม Mid to High ซึ่งเป็น Segment ที่บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนามาโดยตลอด โดยเป็นการศึกษาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นการเสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนาโครงการ และรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาวการณ์ปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด
หลังจากที่บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาโครงการทั้งแนวราบ-แนวสูง เพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมการออกแบบที่ทันสมัย สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และใส่ใจในสิ่งแวดล้อม จนทำให้เกิดการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ทำให้ปัจจุบันมียอดขายรวมไปแล้วกว่า 1,150 ล้านบาท และมียอดโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 850 ล้านบาท รวมถึงมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้
" สำหรับปี 2565 บริษัทฯ ได้มีการรีเฟรชแบรนด์ (Brand Refresh) ปรับสีและรูปแบบโลโก้ให้มีความทันสมัย เข้าใจได้อย่างชัดเจน พร้อมชูแนวคิดหลักในการดำเนินธุรกิจ นั่นคือ “PASSION FOR LIVING WELL” โดยสื่อถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี โดยใส่ใจและให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ตั้งแต่รูปแบบดีไซน์ที่มองเห็น ไปจนถึงทุกสัมผัสที่อาจมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก ผสมผสานกับการพัฒนาเทคโนโลยี และการนำนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ เพื่อตอบสนองชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า"
พร้อมกันนั้น บริษัทฯ ได้แบ่งสัดส่วนสำหรับการทำธุรกิจออกเป็น ในรูปแบบ Balance Portfolio ระหว่างที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง เพื่อรักษาสมดุลในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งตั้งเป้าหมายในการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยปีละ 3 โครงการ ซึ่งจะใช้กลยุทธ์ ในการรุกตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการในทุกด้านของการอยู่อาศัย ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลักสำคัญ ได้แก่
ในปี 2565 นี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,306 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวสูง 1 โครงการ ได้แก่
โดยปี 2565 นี้ บริษัทฯ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้กว่า 2,400 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนสำหรับโครงการแนวสูงอยู่ที่ 1,386 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% และโครงการแนวราบอยู่ที่ 1,014 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% พร้อมตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ไว้กว่า 1,280 ล้านบาท” นายสุนทร กล่าวในตอนท้าย