11 พ.ค.2565 - นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ กล่าวในงาน เสวนา “ZERO CARBON : วิกฤติ-โอกาสไทย” ซึ่งจัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ถึงแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจ สู่ Net -Zero หลังจากตั้งเป้าหมายระยะยาวภายในปี 2573 จะลดก๊าซคาร์บอนให้ได้ 70% ขึ้นเป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบรับกับทิศทางโลก มีส่วนร่วมในการรับมือกับแนวโน้มสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
โดยระบุว่า ปัจจุบัน บริษัท ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Best in Class ประกอบไปด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
จะเห็นได้ว่าบริษัท มีบทบาทเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ในแง่ทั้งผู้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และ ผู้ให้บริการสังคมและผู้คน ผ่านการพัฒนาโปรดักส์ต่างๆ ขณะเดียวกัน เกี่ยวพันกับคู่ค้าในระบบเป็นจำนวนมาก เช่น ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง ,ผู้ค้าเหล็ก - ปูน ไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้าในชุมชนโดยรอบ ตั้งแต่การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ,การจัดหาที่ดิน ,การออกแบบ ,การก่อสร้าง และการบริหารสินทรัพย์
ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายระยะสั้น ว่า ภายในปี 2568 จะลดก๊าซคาร์บอนให้ได้ 10% และประกาศลดควมเสี่ยงด้านสภาพอากาศให้ครอบคลุม 100% ใน 4 กลุ่มธุรกิจ ผ่านการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่
" เราเชื่อว่า เมื่อเราอยู่ได้ สังคมก็ต้องอยู่ได้ ทั้งนี้ นอกจากเรื่องผลประกอบการที่ต้องมีกำไร เรายังมองถึงมิติของสิ่งแวดล้อมที่ต้องดูแล ผ่านการหาจุดสมดุลที่ยั่งยืนให้แก่ธุรกิจ ตั้งแต่กระบวนการลงทุน หาที่ดินเบื้องต้น การดูทรัพยากรที่อยู่เก่าในพื้นที่ และช่วยสนับสนุนพันธมิตร ผู้ค้ารายย่อยในชุมชน ที่อยู่บริเวณโดยรอบ ให้เค้ามีส่วนร่วมเกี่ยวกับ Net-Zero ไปด้วยกัน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องมีเงินทุนรองรับ "
ผู้บริหารสิงห์ เอสเตท ระบุว่า ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนสำหรับแนวทางของบริษัท ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราจะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ เช่น การก่อสร้างอาคารตาม มาตรฐาน LEED มีเทคโนโลยีประหยัด พลังงานและพื้นที่สีเขียวในอาคาร เอส โอเอซีส , การใช้หลักความยั่งยืน และพลังงานธรรมชาติ แดด ,ลม เป็นส่วนสำคัญในการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อลดการพึ่งพาเครื่องใช้ไฟฟ้า และ การมีส่วนร่วมดูแล เพิ่มพื้นที่แหล่งสมดุลคาร์บอน เพื่อความยั่งยืนของระบบนิเวศ (การดูแลปะการังในโครงการคอร์สโร้ด มัลดีฟ) เช่นเดียวกับ การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดอ่างทอง 1,900 ไร่ ในรูปแบบ Eco-industrial Estate ซึ่งจะประกอบไปด้วย อ่างเก็บน้ำ โรงไฟฟ้า 3 โรง และอีก 1,000 ไร่ จะจัดเป็นพื้นที่ ให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ต้องการผลักดันไปธุรกิจ ไปสู่ Net-Zero เข้ามาต่อยอดอีกด้วย