นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยว่า จากการรีแบรนด์ไรมอน แลนด์ ที่ผ่านมา บริษัทได้ผลักดันกลยุทธ์การเป็น Branded Residences จับมือกับแบรนด์โรงแรมระดับโลก สร้างความแกร่งด้านบริการ และการตลาด ยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงง่ายทันสมัย มีสไตล์มากยิ่งขึ้น
สอดคล้องกับการปรับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ใหม่ ขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้ากลุ่มเจเนอเรชั่นใหม่ โดยปีนี้ใช้งบลงทุนอีกกว่า 2,000 ล้านบาท กับอีก 2 โครงการใหม่ และออฟฟิศบิ้วดิ้งอีกหนึ่งโครงการ และคาดการณ์รายได้สิ้นปีที่ 2,200 ล้านบาท
"แน่นอน คอนโดยังเป็น Core Business ของเรา แต่เราก็ไปตามไดเร็คชั่น การเป็น Branded Residence ให้มากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าไว้ ที่จะร่วมกับพันธมิตร 70-80% และอาจจะมีแบรนด์ของเราบ้างบางส่วน แล้วแต่ทำเล" นายกรณ์กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจหลักที่จะเดินหน้าไป นอกเหนือจาก Branded Residences ซึ่งถือเป็นนิวอีร่าของธุรกิจอสังหาที่มีโอกาสการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่คงคุณค่าตัวเองได้ สามารถส่งต่อลูกหลาน ด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นได้ การร่วมมือกับพันธมิตร ยังเป็นการยกระดับสร้างความพรีเมี่ยมให้กับโครงการ และยังเสริมเรื่องฐานลูกค้าจากพันธมิตรเพิ่มเติม
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ ในการสร้างรายได้ให้แข็งแกร่ง คือ การ Joint Venture ร่วมกับเจ้าของที่ดิน ซึ่งจะช่วยในการลดต้นทุน ลดดอกเบี้ย ขณะรอเวลาในการพัฒนาโครงการ
พร้อมกันนี้ ไรมอน แลนด์ ยังเน้นการวางแผนเปิดโครงการให้สอดคล้องกับการรับรู้รายได้ เพื่อตัดปัญหาการับรู้รายได้ที่ฟันหรอ เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมใช้เวลาในการก่อสร้างนาน การขยายตลาดสู่ โครงการบ้านและวิลล่า ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างน้อยกว่า จะเข้ามาช่วยเสริม ด้วยการวางแผนระยะยาว 5-10 ปีที่จะมีรายได้เข้ามาต่อเนื่อง
และจากทิศทางของโลกยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ไรมอน แลนด์ ได้ขยายพอร์ตลงทุนสู่ดาต้า เซ็นเตอร์ ซึ่งจะเปิดประมาณปีหน้า และจะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณ ไตรมาส 1-2 ธุรกิจนี้บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัทจากสหรัฐอเมริกา ที่ทำธุรกิจ Green Data Center ใช้ น้ำ ในการ cool down คอมพิวเตอร์ ประหยัดพื้นที่ ประหยัดต้นทุนประมาณ 20% และน้ำที่ปล่อยออกมาก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Data Center ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 18 เดือน ธุรกิจนี้ จะเข้ามาช่วยเสริมให้รายได้ของไรมอน แลนด์ มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น โดยแผนการก่อสร้างจะสรุปได้ปลายปี 2565 และเริ่มก่อสร้างต้นปีหน้า
ส่วนโครงการอสังหาริมทรัพย์ทที่ลงทุนในปี 2565 มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท จะมีโครงการโรสวูด เรสซิเด้นส์ ที่กมลา ภูเก็ต ซึ่งร่วมกับ โรสวูด เป็นสแตนอโลนเรสซิเด้นท์แห่งแรกในอเเชียแปซิฟิคของโรสวู้ด เป็นลักชัวรี่ วิลล่า มี 14 หลัง ขนาด 4 ห้องขึ้นไป จะเปิดปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปีหน้า ตอนนี้กำลังทำแบบ มูลค่าโครงการประมาณ 7,800 ล้านบาท และยังมีอีก 2 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ มูลค่า 5,500 ล้านบาท โดย Joint Venture กับพันธมิตร เป็นโครงการที่เป็น Branded Residences ส่วนอีกโครงการเป็นแนวราบ อยู่กรุงเทพฯ กำลังทำแบบ จะลอนซ์ภายในปีนี้
คาดการณ์สิ้นปี 2565 บริษัทฯ จะมีรายได้ 2,200 ล้านบาท จากการโอนโครงการ The Estelle Phrom Phong สุขุมวิท 26 ซึ่งจะเกิดขึ้นไตรมาส 3 ปีนี้ ส่วนคาดการณ์ยอดขายอยู่ที่ 7,200 ล้านบาท มาจากสต๊อกที่เหลือ