16 มิถุนายน 2565 - ฐานจำนวนผู้ใช้บริการพื้นที่ออฟฟิศ รูปแบบ Co-Working Space ในประเทศไทย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งปรับเปลี่ยนเทรนด์การทำงาน ไปสู่ รูปแบบไฮบริดอย่างจริงจัง ทำให้ช่วงปีที่ผ่านมา เจ้าตลาดรายใหญ่ อย่าง ' จัสโค' มีฐานลูกค้าเติบโตสูงขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ขณะจำนวนสมาชิกมีมากกว่า 6,000 รายในประเทศไทย
เปิด 'จัสโค สีลมเอจ'
โอกาสดังกล่าว ทำให้ล่าสุด จัสโค ประกาศเปิดตัวโคเวิร์คกิ้งสเปซแห่งใหม่ ณ โครงการ สีลมเอจ เป็นสาขาที่ 5 ในประเทศไทย โดย จัสโค สีลมเอจ ตั้งอยู่ใจกลางย่านเศรษฐกิจบนหัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 สะดวกสบายด้วยทางเชื่อมไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน (MRT) และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ร้านค้า และร้านอาหารที่เตรียมเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ชูจุดเด่นด้วยพื้นที่ทำงานที่มองเห็นทัศนียภาพของสวนลุมพินี โอเอซิสสีเขียวใจกลางเมือง
พื้นที่ 4 ชั้น 900 ที่นั่ง
นอกจากนี้ จัสโค สาขาสีลมเอจยังมอบพื้นที่ทำงานที่มีทั้งออฟฟิศส่วนตัว และห้องสวีทขนาดใหญ่สำหรับองค์กร ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งานพื้นที่แบบผสมผสานหรือไฮบริด รวมไปถึงการแบ่งทีมทำงาน และนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน บนพื้นที่ 4 ชั้นจากจำนวนทั้งหมด 12 ชั้นของอาคาร ด้วยความยืดหยุ่นอย่างสุดสูง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทั้งแก่ผู้เช่าพื้นที่ในอาคารเอง และผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกของจัสโค ซึ่งสามารถรองรับได้กว่า 900 ที่นั่ง
จัสโค สีลมเอจ ชูจูดขายด้วยสตูดิโอสำหรับไลฟ์สตรีมมิ่งและพอดคาสต์
ทั้งนี้ โคเวิร์คกิ้งสเปซแห่งนี้ จะมาพร้อมประสบการณ์ด้านดิจิทัล ชูจูดขายด้วยสตูดิโอสำหรับไลฟ์สตรีมมิ่งและพอดคาสต์ ซึ่งถือเป็นโคเวิร์คกิ้งสเปซแห่งใหม่ล่าสุด ที่จะมีการเปิดประตูออฟฟิศด้วยระบบ wireless การจองพื้นที่ทำงาน ห้องประชุม และพื้นที่จัดงานและบริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน
หลังจากจัสโค เล็งเห็นถึงความสำคัญของการตลาดแบบดิจิทัลและการใช้สื่อสมัยใหม่ขององค์กรธุรกิจ ด้วยการให้บริการสตูดิโอสำหรับไลฟ์สตรีมมิ่งและพอดคาสต์ ทั้งสำหรับสมาชิกและบุคคลทั่วไป
ธุรกิจเทคโนโลยีขยายฐานบริษัทในไทย
มร. คง วัน ลง ผู้ก่อตั้งร่วมและซีซีโอ จัสโค กล่าวว่า “ในปัจจุบัน รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดไม่ใช่แค่เทรนด์อีกต่อไป สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นแนวทางใหม่สำหรับการทำงานในปัจจุบันและอนาคต โดยทุกวันนี้ หลายธุรกิจที่สัญญาเช่ากำลังจะหมดลง เริ่มหันมาพิจารณาพื้นที่การทำงานที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า เพื่อการวางแผนทางการเงินที่คล่องตัวขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากจำนวนสมาชิกของจัสโคในแต่ละสาขาที่มีสูงถึง 80% ทั่วเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีสมาชิกเข้าใช้บริการเต็มเกือบทุกสาขา จัสโค ถือเป็นพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรทุกขนาดได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น บรรษัทข้ามชาติ หรือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระหว่างประเทศที่ต้องการขยายฐานมาสู่กรุงเทพฯ”
“ในมุมมองธุรกิจ การขยายสาขาไปทั่วโลก จะช่วยให้เราสามารถมอบพื้นที่การให้บริการได้ดียิ่งขึ้น และครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ มีสมาชิกของจัสโคจำนวนไม่น้อยที่มีการดำเนินงานในระดับภูมิภาค การเป็นสมาชิกของจัสโคเพียงแห่งเดียว ก็สามารถเข้าใช้บริการสาขาที่มีมากกว่า 45 แห่งของเราได้ทั้งหมด พร้อมโต๊ะทำงานที่พร้อมรองรับสมาชิกได้มากกว่า 30,000 รายทั่วเอเชียแปซิฟิก”
เชื่อมั่นฐานลูกค้าในไทย ดันเติบโต
ขณะ นางสาว วิมลนิตย์ เลิศพิทักษ์กิจ ผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย และอินโดนีเซีย จัสโค กล่าวว่า “แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งกินระยะเวลามายาวนานกว่า 2 ปี แต่ฐานลูกค้าของจัสโคในประเทศไทยกลับเติบโตสูงขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับต้นปี 2563 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน เราให้บริการสมาชิกมากกว่า 6,000 รายในประเทศไทย เราเชื่อว่าด้วยจุดแข็งของจัสโค ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่น ราคาที่เข้าถึงได้ ทีมงานที่พร้อมให้บริการ ไปจนถึงทำเลที่เหมาะสม ทำให้เราสามารถเติบโตไปพร้อมกับสมาชิกของเราได้ในระยะยาว และสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”