โรงแรมหรู ลักซ์ชัวรี ในกทม.ก่อสร้าง ปี65-67 รอเปิดทะลัก11,321ห้อง

05 ส.ค. 2565 | 04:35 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2565 | 14:41 น.

โรงแรมระดับระดัลักซ์ชัวรี -โรงแรมระดับบน ในกทม.ทำเลกลางใจเมือง ทะลัก 11,321ห้อง Property DNA เผยกำลังก่อสร้างมีกำหนดสร้างเสร็จช่วงปี2565 – 2567 ในกทม.

 

แม้ว่าช่วง 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ตลาดโรงแรมในกรุงเทพมหานครและประเทศไทยจะชะลอรุนแรงจากการที่ชาวต่างชาติหายไปจากธุรกิจการท่องเที่ยว จากช่วงปีพ.ศ.2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยเกือบ 40 ล้านคน แล้วหายไปเหลือเพียง 4 แสนกว่าคนในปีพ.ศ.2564 หรือลดลงไปกว่า 98 - 99% ดังนั้น ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยได้รับผลกระทบแน่นอน

 

 

 

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA) บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่ามีโรงแรมจำนวนมากจำเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราว และอาจจะต้องปิดถาวรไปเลย เพราะมีปัญหาเรื่องของสินเชื่อธนาคารที่ขาดส่งหรือหนี้สินเพิ่มพูนจนเจ้าของคาดว่าไม่สามารถหารายได้มาชดเชยส่วนมที่หายไปและชำระหนี้สินได้แน่นอนในอนาคต

 

 

โดยเฉพาะโรงแรมที่เพิ่งเปิดให้บริการใหม่ หรือโรงแรมที่เปิดมารองรับนักท่องเที่ยวจีนที่มีจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่โรงแรมใหญ่ๆ หรือโรงแรมที่เจ้าของเปิดกิจการมานานกว่า 10 ปีขึ้นไปอาจจะยังพอรักษาโรงแรมต่อไปได้ และสามารถกลับมาเปิดกิจการได้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์หรือรองรับการเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่า

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลมีการออกมาตรการหรือนโยบายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเยวภายในประเทศ และสร้างรายได้ให้กับเมืองท่องเที่ยวต่างๆ แต่นโยบายนี้อาจจะมีผลต่อโรงแรมระดับ 4 – 5 ดาวในเมืองท่องเที่ยวเท่านั้นไม่มีผลต่อโรงแรมขนาดกลางลงไป เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่เลือกพักโรงแรมระดับบน เพราะมีส่วนลดจากนโยบายของรัฐบาลส่งเสริมอยู่แล้ว รวมไปถึงหลายโรงแรมเปลี่ยนไปรับกลุ่มของผู้ป่วยโควิด-19

 

และรองรับคนไทยและต่างชาติที่ต้องการกักตัว ดังนั้น ช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมาจึงมีเพียงโรงแรมใหญ่ระดับ 4 – 5 ดาวหรือโรงแรมขนาดใหญ่เท่านั้นที่พอมีรายได้ โรงแรมขนาดกลางลงไปถึงเล็กๆ ไม่สามารถเปิดกิจการได้เลย

โรงแรมหรู ลักซ์ชัวรี ในกทม.ก่อสร้าง ปี65-67 รอเปิดทะลัก11,321ห้อง

 

กรุงเทพมหานครอาจจะเห็นได้ชัดเจนในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาที่มีโรงแรมขนาดใหญ่ระดับ 4 – 5 ดาวหลายแห่งปิดกิจการไปเลย เพราะชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักหายไปทั้งคนทำงาน นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

เพิ่งจะกลับมาช่วงปลายปีที่ผ่านมานี่เอง เพราะรัฐบาลเปิดประเทศรับชาวต่างชาติมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนในอดีต แต่ส่งหนึ่งที่น่าสนใจและเห็นการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง

 

คือ โรงแรมที่กำลังก่อสร้างยังคงเดินหน้าก่อสร้างต่อเนื่อง มีโรงแรมใหม่ๆ มีข่าวการเปิดตัว หรือการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง ไม่ได้ลดลง อาจจะมีบางโครงการที่ชะลอการก่อสร้างหรือเลื่อนกำหนดแล้วเสร็จออกไปจากเดิม เพราะปัญหาที่เกิดในช่วงโควิด-19

 

โรงแรมที่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการเปิดตัว หรือเริ่มการก่อสร้างใหม่ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับ 4 – 5 ดาว ระดับ Luxury และระดับบน อาจจะมีโรงแรมรระดับ 3 ดาวบ้างแต่ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนโรงแรมระดับ 4 – 5 ดาว เพราะนั่นแสดงว่าเจ้าของโครงการยังมั่นใจว่าธุรกิจการท่องเที่ยวจะยังมีความหวัง

 

และการท่องเที่ยวในระดับสูงยังมีความต้องการอยู่ ทำเลที่มีโครงการระดับบน และ Luxury กำลังก่อสร้างและคาดว่าจะเปิดให้บริการในปีพ.ศ.2565 – 2568 มากที่สุด คือ พื้นที่รอบสวนลุมพินี และสุขุมวิท เพราะมีโรงแรมใน 2 ระดับนี้มากถึง 3,990 ห้องหรือประมาณ 35% ของจำนวนโรงแรมในระดับ Luxury และระดับบนที่กำลังก่อสร้างอยู่ในกรุงเทพมหานครทั้งหมด 11,320 ห้องพัก

 

การลงทุนโรงแรมเป็นการลงทุนในระยะยาว ดังนั้น จึงยังเห็นการก่อสร้างหรือเปิดตัวโรงแรมใหม่ๆ ต่อเนื่อง แม้ในภาวะที่ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมอยู่ในช่วงชะลอตัวรุนแรงแบบที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนมองเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ และการลงทุนในช่วงที่ทุกอย่างยังไม่ปกติธุรกิจยังไม่สามารถสร้างรายได้ได้อาจจะเป็นผลดี เพราะอาจจะเปิดให้บริการได้ทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ

 

 

หรืออยู่ในช่วงขาขึ้นของธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม เนื่องจากนักลงทุนต้องเดินหน้าสร้างรายได้ต่อเนื่องเช่นกัน ช่วงนี้อาจจะขาดรายได้หรือต้องแบกรับภาระต่างๆ มากกว่าที่ผ่านมา แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นรายได้ก็จะกลับเข้ามาทันทีเช่นกัน รวมไปถึงช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่น่าจะมีโรงแรมประกาศทั้งแบบเปิดเผย และเป็นความลับมากที่สุด

 

 

แต่อาจจะมีการปิดดีลหรือซื้อขายกันจริงจังไม่มากแบบที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากราคาสุดท้ายไม่สามารถตกลงกันได้ ผู้ขายก็ต้องการได้ราคาสูงที่สุด ผู้ซื้อก็ต้องการราคาต่ำที่สุด แต่ผู้ขายส่วนใหญ่ยังสามารถยืนระยะต่อไป และถ้าเจ้าของโรงแรมรายใดผ่านมาได้ถึงปีพ.ศ.2565 ราคาขายก็ไม่ใช่ราคาเดิมเมื่อ 2 ปีที่แล้วแน่นอน

 

ตลาดโรงแรมยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพราะไม่เพียงสร้างรายได้ได้ต่อเนื่องในระยะยาวเท่านั้น ยังสามารถเป็นสินทรัพย์สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทหรือเจ้าของโครงการ นอกจากนี้ยังสามารถเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างเงินลงทุนหมุนเวียนได้จำนวนมากเมื่อขายเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์หรือ REIT เพราะเจ้าของโครงการสามารถได้เงินลงทุนส่วนใหญ่กลับคืนมาเพื่อนำไปลงทุนโครงการอื่นๆ ต่อไปได้