เศรษฐกิจไทยฟื้น - นักลงทุนหวนอสังหาฯ ดัน ที่อยู่ ,วัสดุก่อสร้าง โกยรายได้

14 พ.ย. 2565 | 02:13 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ย. 2565 | 09:20 น.

ธุรกิจอสังหาฯ เผยผลงานงวด 9 เดือน เติบโต ตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ พบ บมจ.ศุภาลัย - เอพี ทำนิวไฮ รายได้ - ผลกำไร ขณะเฟรเซอร์สฯ ปิดงบปี กำไรฟื้นเกิน2 พันล. แรงกระเพื่อม กลุ่มวัสดุก่อสร้างได้อานิสงส์ ทั้งรัฐ - เอกชน ด้านคอนโดฯยอดขายโตแรง หลังนักลงทุนแห่ซื้อ ปิดความเสี่ยงเงินเฟ้อ

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าตลาดคิดเป็นสัดส่วน 4.8% ของ GDP ประเทศ  ย้อนไป ปี 2564 หดตัวลงมาก  8% เมื่อเทียบกับ ปี 2562 ก่อนแพร่ระบาดของ COVID-19 

 

อย่างไรก็ดี อสังหาฯ เป็นธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน  เนื่องจากกระตุ้นให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบจำนวนมาก เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ ทั้งยังเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจอื่น  เช่น ก่อสร้าง แรงงาน วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์/การตกแต่ง และสถาบันการเงิน ขณะเดียวกัน ทิศทางเศรษฐกิจ ก็มีผลในแง่กำลังซื้อ และ การฟื้นตัวของตลาดเช่นกัน 

โดยตั้งแต่ต้นปี 2565 มาตรการของภาครัฐ เช่น การผ่อนปรน ใช้ มาตรการ LTV (อัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน) ชั่วคราว และ สถาบันการเงิน สนับสนุนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ประกอบกับ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั้งใน กทม. และภูมิภาค ที่ดีขึ้นตามลำดับนั้น  ทำให้ ตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างน่าสนใจ  สะท้อนผลประกอบการในธุรกิจ ทั้งกลุ่มโครงการบ้าน - คอนโดมิเนียม - อสังหาฯเชิงพาณิชยกรรม และ วัสดุก่อสร้าง ได้อานิสงส์ สร้างผลงานโดดเด่นในหลายๆแง่ 

 

ศุภาลัยกำไรพีค - AP รายได้

โดยเฉพาะ ในกลุ่มผู้พัฒนาบ้านจัดสรร ครอบคลุมหลายพื้นที่ เป็นหลัก และ มีพอร์ตโครงการคอนโดฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จในมือ เพื่อโอนกรรมสิทธิ์ หลายโครงการ อย่าง บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) พบ มีผลประกอบการดีเยี่ยม รั้งเบอร์ 1 ในตาราง แง่ผลกำไรสุทธิ ในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.) โดยสามารถกวาดรายได้รวมสูงถึง 11,362 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 51% จากการโอนฯโครงการ ทั้งใน กทม. และ ต่างจังหวัด ด้านกำไรสุทธิ 6,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เรียกว่ามากที่สุด ของธุรกิจอสังหาฯ ณ เวลานี้ ขณะยอดขายรวม ทะลุ 2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 41%  

ด้าน บมจ.เอพี ทุบสถิติอีกครั้ง ผ่านการทำรายได้ นิวไฮ 37,560 ล้านบาท กำไรสุทธิ  4,720 ล้านบาท ส่วนยอดขาย สิ้น ต.ค. อยู่ที่ 45,410 ล้านบาท มาจากการเปิดโครงการที่มากที่สุดในอุตสาหกรรม ตีตลาดทุกเซกเม้นต์ โดยเฉพาะโครงการจัดสรรแนวราบ บ้านเดี่ยว และ ทาวน์โฮมโฉมใหม่ ที่มีดีมานด์สูง รวมไปถึง การทยอยโอนฯในกลุ่มคอนโดฯ ด้วย

 

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์เอพี กล่าวว่า ทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมยังคงเป็นซูเปอร์สตาร์ของปี คีย์ไดรฟ์สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ควบคู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ ดีมานด์คอนโดฯ ทำให้ผลงานบริษัทเติบโตโดดเด่น 

เศรษฐกิจไทยฟื้น - นักลงทุนหวนอสังหาฯ ดัน ที่อยู่ ,วัสดุก่อสร้าง โกยรายได้

 

" บริษัท สร้างผลงานยอดขายที่แข็งแกร่ง เป็น New Record สูงสุดที่เคยทำได้ ซึ่งสะท้อนจาก ดีมานด์ตลาดที่อยู่อาศัย ที่ยังคงเป็นที่ต้องการ มีการฟื้นคืนกลับของลูกค้าอย่างเห็นได้ชัด "

 

นักลงทุนหนุน Noble - ASW ยอดขายดี 

ขณะการฟื้นตัวของตลาดคอนโดฯ ผ่านการกลับมาให้ความสนใจโปรดักส์ใหม่ๆ และ โครงการแนวรถไฟฟ้าทั้งในกลุ่มหรู และ ชานเมือง ทำให้ ผู้เล่นเบอร์ต้น ที่มีส่วนแบ่งตลาดราว 50% ของ คอนโดฯ กทม. อย่าง บมจ.โนเบิล ก็สามารถ ทำยอดขายได้ดี แม้กำลังซื้อต่างชาติหลัก อย่างชาวจีน จะยังไม่กลับเข้ามา แต่พลิกไปทำการตลาด กระจายไปตลาดฮ่องกง ใต้หวัน สิงคโปร์ และเมียร์มาร์ ทดแทน โดย ยอดขาย ณ สิ้น ต.ค. เติบโตทะยานแตะระดับ 14,796 ล้านบาท 

 

ทั้งนี้ นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ระบุว่า ยอดขายดังกล่าวเป็นยอดขายที่เติบโตก้าวกระโดด หรือ โต เกือบ 2 เท่าตัวจากปีก่อน หลังทุกโครงการเปิดตัวใหม่ได้รับการตอบรับที่ดี ยอดขายเฉลี่ย 60%-70% ต่อโครงการ ตามตลาดโดยรวมที่ฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อ Sentiment ของผู้บริโภคภายในประเทศ ทั้งลูกค้าในกลุ่มที่เป็นซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุน

เศรษฐกิจไทยฟื้น - นักลงทุนหวนอสังหาฯ ดัน ที่อยู่ ,วัสดุก่อสร้าง โกยรายได้

" ช่วงที่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน การลงทุนกลุ่มอสังหาฯ ถือเป็นทางออกที่ดี ซึ่งหากเงินเฟ้อสูง ปรับราคาค่าเช่าขึ้นตามได้  ขณะเดียวกันราคาต้นทุนวัสดุก่อสร้างก็ปรับตัวขึ้นตลอด  ทำให้บริษัทมียอดขาย มาจากลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนต่อเนื่อง "

 

เช่นเดียวกับ บมจ. แอสเซทไวส์ เผย ว่า ปี 2565 จะเป็นปี ที่สร้างยอดขายได้สูงสุด ซึ่งปัจจุบัน ทำได้ทะลุเป้าหมายที่ 10,000 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีรายได้ มีรายได้รวมกว่า 3,935 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 689 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก สถานการณ์ธุรกิจอสังหาฯ ที่ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

 

อสังหาฯ ครบวงจร เจ้าสัว พลิกกำไรเกิน 2 พันล.

การฟื้นของอสังหาฯ และแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดัล บวกกับ ความเชื่อมั่นนักลงทุน กลับมาขยายธุรกิจ ยังทำให้ผู้เล่นเบอร์ใหญ่ ในกลุ่ม เจ้าสัวเจริญ อย่าง บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมี 3 ธุรกิจอสังหาฯแบบครบวงจร ได้อานิสงส์ และกลับมาเติบโต ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่อุตสาหกรรม โรงงานและคลังสินค้า ภายใต้การบริหารจัดการ พื้นที่ มากถึง 3.4 ล้านตร.ม. ,การเร่งเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ มากกว่า 2 หมื่นล้านบาท จับเซ็กเม้นท์ กลาง-บน เจาะฐานลูกค้าแข็งแกร่ง 

เศรษฐกิจไทยฟื้น - นักลงทุนหวนอสังหาฯ ดัน ที่อยู่ ,วัสดุก่อสร้าง โกยรายได้

รวมถึง การเปิดประเทศ ยังส่งผลให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีรายได้โตกว่า 100% ขณะเดียวกัน การทยอยเปิดให้บริการเฟสต่างๆ ของโครงการสีลมเอจ (ช่วงก.ค.-ก.ย.65)  ด้านภาพรวมธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่ายังคงรักษาอัตราการเช่าได้ในระดับสูงกว่า90 % ส่งผลให้ บมจ.เฟรเซอร์สฯ ปิดผลงานปีงบประมาณ 2565 ( ต.ค.64-ก.ย.65 ) ด้วย รายได้รวม  16,347 ล้านบาท โตขึ้น 4% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,465 ล้านบาท เพิ่ม ขึ้น 57.3% จากที่ปีก่อนหน้า กำไรไม่ถึง 2,000 ล้านบาท 


สัญญาณบวก ดัน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 

นโยบายเปิดประเทศ สัญญาณเศรษฐกิจฟื้น และ ภาครัฐ - ภาคเอกชน พากันทยอยลงทุน ในงานโครงการเมกะโปรเจค และ โครงการที่อยู่อาศัย ยังทำให้ อานิสงส์ เกิดขึ้น ในกลุ่มผู้ประกอบการค้าวัสดุก่อสร้าง โดย บมจ.สมาร์ทคอนกรีต  เผยว่า งวด 9 เดือน ปี 2565 บริษัท มีรายได้รวม 409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จาก 338 ล้านบาทในช่วงปีก่อนหน้า

 

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการบริษัท ระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเปิดประเทศ ผลักดันให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ โครงการแนวราบ-แนวสูง เร่งก่อสร้างเพื่อเปิดโครงการใหม่ อีกทั้งโครงการภาครัฐ ได้แก่ อาคารหน่วยงานราชการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสีชมพู เร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อส่งมอบให้ทันตามกำหนด ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบา ปรับตัวดีขึ้น และราคาจำหน่ายอิฐมวลเบาปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ กำไรสุทธิปรับตัวลดลง เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงและวัตถุดิบในการผลิตปรับตัวสูงขึ้น แต่เป็นโอกาส ให้บริษัทฟื้นตัวได้ดี 

 

เช่นเดียวกับ บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เผยผลการดำเนินงาน ม.ค.-ก.ย. ว่า มีกำไรสุทธิกว่า 508 ล้านบาท และมีรายได้รวม 3,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.08% คาด นอกจาก มาจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ บวกเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ แล้ว ยังได้แรงหนุนจาก กำลังซื้อ ของ ลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์มีอัตราขยายตัวได้มากกว่า 10%