18 ม.ค.2566 - ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายการเปิดประเทศ โดยมีภาคการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น ถูกคาดว่าจะได้อานิสงส์ ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมที่เคยชะลอตัว ฟื้นกลับมามีความคึกคักขึ้น ไม่เพียงแต่เป็นสัญญาณให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดคอนโดฯรายเก่าๆ กลับมาเตรียมแผนบุกหนัก เปิดโครงการใหม่กันอย่างหนาแน่น แต่ความหอมหวานของตลาดคอนโดฯ ยังทำให้ ผู้พัฒนาฯที่เคยจำกัดตัวเองอยู่ในตลาดแนวราบ ก็เตรียมกระโดดเข้ามา แข่งขัน ชิงเค้กกำลังซื้อตลาดดังกล่าวด้วยเช่นกัน
โดย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) 1 ในหน่วยธุรกิจของกลุ่มอสังหาฯครบวงจร ภายใต้พอร์ตของเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย” เป็นอีกหนึ่งบริษัท ที่ประกาศล่าสุด ว่าจะเข้ามาชิมลางในตลาดคอนโดฯ ซึ่งมาพร้อมกับแลนแบงก์เต็มพอร์ต และ 1 ในแปลงที่ดิน ที่น่าจับตามอง ถึงแผนพัฒนามากที่สุด คือ ที่ดินย่านหลังสวน ไพร์มโลเคชั่น ใจกลางเมือง ที่มีราคาขายที่ดินแพงที่สุดในประเทศ โดยเฟรเซอร์สฯ แย้มว่า อาจได้เห็นโครงการคอนโดมิเนียมตึกสูงระดับหรู ในราคาขายติดระดับ TOP ของประเทศ ในอีก3-4 ปีข้างหน้า แต่ระหว่างนี้ จะเปิดตลาด โดยคอนโดกลุ่มระดับกลาง 3-5 ล้านบาท ที่คาดว่าจะมีความหนาแน่นของดีมานด์ในช่วง1-2 ปีนี้
ในระหว่างการแถลงข่าว เปิดแผนธุรกิจประจำปี 2566 นาย แสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรอรับรู้รายได้ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2565 จากการวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ, ทาวน์โฮม 2 โครงการ, บ้านแฝด 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ
ซึ่งปีนี้เป็นการเดินหน้าทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ตามแผน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญให้ก้าวเข้าสู่ความแข็งแกร่งในทุกด้าน ภายใต้วิสัยทัศน์ 'คิดใหม่ ทำใหม่ (ให้) ใหม่เสมอ ' โดยกลยุทธ์เดิมนั้น พบ 'เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม' ที่ผันตัวมาจาก โกลเด้นท์แลนด์ เจ้าตลาดทาวน์เฮ้าส์ หรือ ทาวน์โฮม กำลังเดินหน้า เพิ่มพอร์ตพัฒนาโครงการแนวราบครบทุกเซกเมนต์ทั่วทุกมุมเมือง พร้อมๆกับ การยังคงรักษาการเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮม
ซึ่งตลาดที่เป็นโอกาส นายแสนผิน ระบุชัดเจน นั่นคือการ ขยายพอร์ตโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ และระดับซูเปอร์ลักชัวรี่มากขึ้น โดยจะ เพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ขึ้นไปในระดับราคา 60-120 ล้านบาทใน 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ The Royal Residence (เดอะ โรยัล เรสซิเดนซ์) ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ รวมถึง Alpina (อัลพีน่า) และ The GRAND (เดอะ แกรนด์) เน้นเจาะกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
แต่ที่เป็นไฮไลท์สำคัญ คือ การบุกสมรภูมิใหม่ กับการเปิดเกม แผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรก ในนามของ 'เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม' ซึ่งผู้บริหารคนเดิม ให้เหตุผลว่า การบุกตลาดคอนโด เนื่องจากเห็นโอกาสทางการตลาดหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายที่ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่ม กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ระดับราคา 3-5 ล้านบาทที่มีสัดส่วนดีมานด์เพิ่มมากที่สุดในปี 2565 ในขณะที่สินค้าคงเหลือในตลาดกลับมีไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการคอนโด Low Rise ด้วยโลเคชันตั้งอยู่ในเมืองและใกล้รถไฟฟ้าภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
เจาะในรายละเอียด โครงการดังกล่าว เป็น คอนโดมิเนียม Low Rise ย่านรัชดาซอย 7 ด้วยจำนวนมากกว่า 100 ยูนิต แบรนด์ KLOS โดยเป็นการเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ ขายในราคาตารางเมตรละ 1.3 แสนบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการอื่นๆในอนาคต โดยบางส่วนมีที่ดินรองรับแล้ว เน้นทำเล ติดรถไฟฟ้า ติดห้างสรรพสินค้า เช่น ลาดพร้าว รามอินทรา และ จรัญสนิทวงศ์ (ใกล้สถานีไฟฉาย) ขณะเดียวกัน อีกกลยุทธ์ ที่จะทำให้พอร์ตคอนโดฯของบริษัท เติบโตอย่างรวดเร็ว คือ การเข้าไปเทคโอเวอร์บริษัท หรือ โครงการอสังหาฯ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจา และ ตรวจทรัพย์อยู่ 1 ราย
"คาดว่า ตลาดคอนโด จะกลับมาเติบโตขึ้น เช่นเดียวกับ แนวราบที่การแข่งขันจะสูงขึ้นในปีนี้ โดยคอนโดฯจะ ฟื้นตัว จากต่างชาติเข้ามา บริษัทเอง มีที่ดินรองรับพร้อมพัฒนาแล้ว 3 แปลง เน้นกลุ่มกำลังซื้อ ที่เกี่ยวกับคนทำงาน ควบคู่กับไลฟ์สไตล์ เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ต้องการอยู่ทาวน์เฮ้าส์ที่เรามี ขณะการประเดิมตลาด โดยโครงการรูปแบบ Low Rise นั้น ประเมิน การก่อสร้างทำได้เร็ว เงินลงทุนไม่เยอะ และไม่เสี่ยงต่อกรณี อีไอเอไม่ผ่าน คาด โครงการแรก KLOS รัชดา จะเปิดตัวได้ราว พ.ค.นี้ "
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าจับตามอง ของบิ๊กอสังหาฯรายนี้ คือ การแย้มแผนคร่าวๆสำหรับ การกระโดดเข้าไปแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมหรูกลางเมือง ที่ช่วงโควิด19 เกิดภาวะชะลอตัวลงไป แต่ในมุมมองของนายแสนผิน คาดว่า ในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า ตลาดนี้จะกลับมาคึกคักอย่างน่าสนใจ โดยในการเตรียมแผนรองรับโอกาสของตลาดนั้น คือ การเตรียมแปลงโฉม ที่ดินพร้อมตึกเก่า ใน ย่านหลังสวน - ชิดลม จากการที่บริษัทแม่ เข้าไปถือหุ้นใหญ่ และเก็บเป็นทรัพย์สิน นำมาขึ้นเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี โดยในรายละเอียดนั้น เป็นที่ดินขนาด 2 ไร่ ที่ตึกเก่าจะถูกทุบทำลาย และ ปรับพื้นที่สร้างใหม่ แต่ไม่ได้ระบุราคาขายที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ด้วยราคาที่ดิน และ ราคาขายของคอนโดฯในย่านดังกล่าว ไม่มีคำว่า 'ธรรมดา' คาดจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สร้างปรากฎการณ์ และ สีสันให้ตลาดคอนโดฯหรู ไม่แพ้แปลงที่ดิน ย่านสารสิน ในมือของ บมจ.แสนสิริ ที่อยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาเช่นกัน ซึ่งนี่ นับเป็นเกมการเปิดตลาดคอนโดฯที่น่าจับตามองในนาม 'เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม' ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ...