27 กุมภาพันธ์ 2566 - นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) มีกำไรสุทธิสูงถึง 1,119 ล้านบาท เติบโต 18% YoY และรายได้รวมอยู่ที่ 5,980 ล้านบาท เติบโต 19% YoY
ขณะที่บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้น (GP) ได้ในระดับสูงต่อเนื่องที่ 40% และอัตรากำไรสุทธิ (NP) ที่ 19% สะท้อนการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพภายใต้การบริหารงานของทีมงานมืออาชีพ ทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมพุ่งทะยานตามเป้าหมายของบริษัทฯ
ทั้งนี้ปัจจัยความสำเร็จมาจากการวางแผนกลยุทธ์พัฒนาโครงการอสังหาฯ ภายใต้แบรนด์ เคฟ, แอทโมซ, เอสต้า และโมดิซ ตลอดจนการวางกลยุทธ์การตลาด Living & lifestyle ที่มุ่งเข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย
“ปี 2565 ภาคธุรกิจอสังหาฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวค่อนข้างช้า แต่ด้วยความเข้าใจใน Customer Insight ทุกเจเนอเรชั่น ทำให้ ASW เป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้อยู่อาศัยทุกเจเนอเรชั่น โดยเรายังมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับครอบครัวของ ASW ในทุกมิติ ส่งผลให้โครงการที่เปิดตัวใหม่ตอบสนองดีมานด์ได้อย่างดี และทำผลการดำเนินงานทั้งปีได้สูงตามเป้าหมาย”
ประเมิน อสังหาฯปี 2566 ฟื้นตัวดี ลุยเปิดใหม่ 12 โครงการ
นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2566 มองว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ สอดรับแผนธุรกิจปี 2566 ของบริษัทฯเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 22,500 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคฟ (KAVE), แอทโมซ (ATMOZ) และโมดิซ (MODIZ) จำนวน 9 โครงการ และโครงการบ้านจัดสรร 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (The Honor) และแบรนด์ใหม่ ดิ อาร์เบอร์ (The Arbor)
โดยวางเป้าหมายปี 2566 ทำยอดขายที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ที่ 7,200 ล้านบาท ทั้งนี้ในไตรมาสแรกต่อยอดความสำเร็จผู้นำตลาด Campus Condo เดินหน้าเปิดตัวคอนโดฯ แบรนด์เคฟ 3 โครงการใหม่บนทำเลศักยภาพใกล้มหาวิทยาลัย ได้แก่ “เคฟ เอมบริโอ รังสิต” (KAVE Embryo Rangsit) มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท ใกล้กับมหาวิทยาลัย เพียง 1 นาทีถึง ม.ราชมงคลธัญบุรี, “เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์” (KAVE Town Island) มูลค่าโครงการ 3,150 ล้านบาท โครงการสุดฮอตเฟสสุดท้ายของ KAVE Town ข้าง ม.กรุงเทพ และ “เคฟ ป็อป ศาลายา” (KAVE Pop Salaya) มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ติดถนนใหญ่ใกล้ ม.มหิดล
อีกทั้งในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเพื่อรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องถึง 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,060 ล้านบาท อาทิ โครงการ โมดิซ ลอนช์ (MODIZ Launch) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท, โครงการ โมดิซ ไรม์ รามคำแหง (MODIZ Rhyme Ramkhamhaeng) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท, โครงการ เคฟ ทาวน์ โคโลนี (KAVE Town Colony) มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท ฯลฯ รวมทั้งการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ การมีพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงการ (JV) หรือการ Synergy เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนภาพการเติบโต และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างแข็งแกร่ง