แลนด์ลอร์ดชลบุรี หนุน รัฐบาล ดัน "พัทยา" เทียบ เมืองท่าระดับโลก

17 พ.ค. 2566 | 02:40 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2566 | 03:01 น.

" จากวิกฤติสงครามรัสเซีย - ยูเครน สู่ วิกฤติพลังงาน เงินเฟ้อ และ ดอกเบี้ยแรง สะเทือนแบงก์ล้ม ลามเศรษฐกิจหลักของโลก สหรัฐ และ ยุโรป ถดถอยทำให้ พื้นที่ยุทธศาสตร์ฝั่งเอเชีย กลายเป็นดาวเด่นของโลกการลงทุนแทน "

นี่ไม่ใช่คำกล่าวอ้างเลื่อนลอย แต่กระแสย้ายฐานการลงทุนของต่างชาติ ที่อัดเม็ดเงินเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดประเทศเต็มตัว คือ เครื่องยืนยันชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมาย อีอีซี ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และ ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีทั้ง จีน ญุี่ปุ่น ซาอุดิอาระเบีย ตบเท้าเข้ามาในอุตสาหกรรมใหม่อย่างคึกคัก ขณะไทย ตั้งเป้า ใช้ อีอีซี ดูดการลงทุนปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท 

" ฐานเศรษฐกิจ " ถอดรหัสความต้องการของกลุ่มทุนในพื้นที่ อีอีซี โดยเฉพาะ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ผ่านมุมมอง นายคริส เชิดสุริยา ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัท ออเนอร์ กรุ๊ป จำกัด แลนด์ลอร์ดใหญ่ และพัฒนาอสังหาฯในพื้นที่ พัทยา มามากกว่า 20 ปี  ระบุ วันนี้ อีอีซี กำลังไปได้สวย แม้แผนพัฒนาล่าช้ากว่ากำหนด  ยก "พัทยา" เป็นเมืองท่า เทียบเมืองหลวงที่สำคัญระดับโลก เพิ่มแรงส่ง โรงแรม และ เรสซิเดนท์ ถูกหมายปองโดยต่างชาติ จับจังหวะดันแผนใหญ่ ลุยลงทุนมากกว่า 5 พันล้าน หลังการเหยียบคันเร่งสวนโควิด ดันโปรเจ็กต์ "วันส์ พัทยา" เข้าตลาด เรียกแขกได้สำเร็จ
 

"พัทยา" เมืองท่าดูดลงทุน  

บิ๊กทุนรายนี้ แทบไม่กังวล ถึงแนวโน้ม การรื้อโครงสร้างทางเศรษฐกิจเดิม หรือ ช่วงรอยต่อของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่เชื่อว่า อีอีซี ที่กำลังเดินทางสู่ระยะที่ 2 ซึ่งประกาศใช้เป็น พ.ร.บ.แล้วนั้น จะถูกสานต่อโดยรัฐบาลใหม่อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่สิ่งที่อยากให้เร่งผลักดัน คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ และ อู่ตะเภา ซึ่งยังติดขัดในการเวนคืนที่ดินช่วงต้นทาง 

เจาะพื้นที่ "พัทยา" นายคริส ระบุว่า ด้วยยุทธศาสตร์ จุดเด่นหลายแง่ ครบทั้ง ท่าเรือ รถไฟความเร็วสูง ระบบโครงข่ายคมนาคมภายใน (โมโนเรล) และ เชื่อมกับสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งได้แรงส่งเดิม จากการเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่แล้ว จะมีความหมายต่อ อีอีซีอย่างมาก จุดบอดที่ขาดหาย และหวังให้รัฐบาลใหม่ช่วยผลักดัน คือ การตลาด โปรโมท ให้ประเทศไทย เป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้นในระดับโลก ดันภาพลักษณ์ที่ไทยเคยพาตัวเองผ่านพ้นวิกฤติโควิดมาได้ดี เป็นจุดขายสำคัญ เพื่อเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ปลุกเศรษฐกิจ และสร้างความเปลี่ยนแปลงในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังถูกหมายตา เพราะ พัทยา มีความเป็นเมืองท่า ที่เชื่อมกับเมืองหลวงอย่าง กทม. ที่แม้แต่เชียงใหม่ และ ภูเก็ตก็ไม่เทียบไม่ได้ 

"อีอีซี ที่นอกจาก มีรถไฟความเร็วสูงแล้ว ยังมีแหลมฉบังเฟส 3 และเสริมด้วยโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมฝั่งอันดามัน กับ อ่าวไทย  นี่จะทำให้ พัทยา เปรียบเป็นเมืองท่าของไทย เชื่อมกับศรีราชา คล้ายภาพเมืองสำคัญในต่างประเทศ ที่ทั้งน่าลงทุนและอยู่อาศัย "

นานาชาติ ซื้อ "วันส์ พัทยา" ทะลัก 

ศักยภาพข้างต้น พร้อมๆกับภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่ฟื้นแรง ยัง ส่งผลให้บิ๊กโปรเจ็กต์ที่ "ออเนอร์กรุ๊ป" หมายมั่นลุยลงทุนสวนกระแสโควิด เมื่อปี 2563 กลายเป็นของพร้อมขายที่มีราคา โดยนายคริส เผย โครงการ "วันส์ พัทยา " คอนโดมิเนียม  ส่วนประกอบชิ้นเอก ของ  มิกซ์ยูส ระดับลักชัวรี แห่งแรก บนทำเลพัทยาเหนือ ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และรถไฟรางเบาสายสีเขียว มูลค่ารวมกว่า 2 พันล้านบาท มียอดขายแล้วมากถึง 90% สัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 40% ทะลักเข้ามาเร็ว ตั้งแต่ปลายปี 2565 จนคาดจะปิดการขายโครงการได้ไม่เกินไตรมาส 3 ปีนี้ แม้จะมีราคาขายเฉลี่ย อยู่ที่ 1.4 แสนบาทต่อตร.ม. แต่ที่น่าพิจารณา คือ วันนี้ คอนโดฯพัทยา ไม่ได้เป็นที่ต้องการแค่ชาวจีน - รัสเซีย เท่านั้น แต่ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา ตบเท้าเข้ามาซื้อเช่นกัน 

"อสังหาฯพัทยาฟื้นกลับมา และคอนโดจะไปต่อ โดยราคา 5 ล้านบาท หรือ 1 ล้านหยวน ซื้อง่าย ขายคล่องสุดในหมู่คนจีน อย่างไรก็ดี น่าแปลกใจ เพราะเดิมมีจีนเป็นหลัก แต่เวลานี้ ก่อเกิดผู้ซื้อหลากหลายนานาชาติไหลเข้ามาอย่างมีนัย"

ขณะในตลาดโรงแรมนั้น ออเนอร์กรุ๊ป เผย พัทยาต่างไปจากเดิมเช่นกัน หากภูเก็ตมีความคักคึกจากชาวรัสเซีย พัทยาก็ได้รับความนิยมไม่ต่างกัน เพราะ มีจุดเด่นใกล้ กทม.มากกว่า อีกทั้ง ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดีย เวียดนาม วัยหนุ่มสาว เป็นตลาดใหม่ทดแทนชาวจีนที่ยังกลับเข้ามาไม่เต็มที่อีกด้วย 

แลนด์ลอร์ดชลบุรี หนุน รัฐบาล ดัน \"พัทยา\" เทียบ เมืองท่าระดับโลก

"บ้านหรู"  ตลาดเกิดใหม่พัทยา 

สิ่งที่น่าจับตา เห็นแต่จะเป็นการขยับเคลื่อนไหวของอสังหาฯพัทยาอีกครั้ง โดยเฉพาะการเข้ามาบุกของรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ นี่ยิ่งทำให้ ออเนอร์กรุ๊ป มั่นใจว่า พัทยามาเหนือเมฆ ภายใต้อสังหาฯท้องถิ่น ยังไม่ฟื้นไข้จากวิกฤติทางการเงิน แบงก์เข้มการปล่อยสินเชื่อ โดยนายคริส ระบุ ปีนี้บริษัท จะลงทุนอสังหาฯมากกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งนอกจาก จะลุยก่อสร้าง โรงแรมฮิลตัน การ์เด้น อินน์ พัทยา ซิตี้ ติดถนนพัทยาสาย 3 ตึกคู่ขนาน "วันส์ พัทยา " พร้อมส่วนค้าปลีกให้เป็นมิกซ์ยูส 3.7 พันล้านบาทที่สมบูรณ์แล้ว ยังเตรียมบุกตลาดบ้านลักชัวรีอย่างเต็มตัว 

โดยแห่งแรก ตั้งอยู่บนพื้นที่ 32 ไร่ บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ปอดของพัทยา ด้วยราคาเริ่ม 8 ล้านบาท 110 ยูนิต และ อีกแห่ง เตรียมเจาะผู้ซื้อต่างชาติ ด้วยโครงการบ้านอัตราลักชัวรี ราคาเริ่ม 30 ล้านบาท บนทำเลนาจอมเทียน ที่ยังมีความเป็นธรรมชาติ และ ส่วนตัวสูง ส่วนอีก 2 โปรเจ็กต์ อยู่ระหว่างศึกษาแผน ทั้งคอนโดฯ และ โรงแรม เพื่อตอบรับการเติบโตของ อีอีซี และ ความต้องการที่เปลี่ยนไป

"ที่ดินในพัทยา หายาก เพราะราคาแพงชนเพดาน ยากต่อการพัฒนา วันนี้ราคาประเมินใหม่สูงขึ้น ติดถนนซื้อขาย 3-4 แสนบาทต่อตร.ว.ขณะ ติดทะเล เป็นหลักล้าน ส่วนตลาดที่น่าสนใจ คือ บ้านโซนนาจอมเทียน จีน รัสเซีย เกาหลี อยากอยู่อาศัย เอเยนท์ต่างชาติก็เริ่มขยับเช่นกัน" 

ทั้งนี้ ออเนอร์กรุ๊ป เผย ท่ามกลางกระแสต้านชาวต่างชาติอยู่อาศัยในไทย บริษัทจะเน้นการซื้อขายตามกฎหมาย ผ่านรูปแบบ นิติบุคคล และเชื่อว่า โครงการอีลีท การ์ด ของ ททท. ที่ให้วีซ่าอยู่ไทยนาน 20 ปี จะเป็นอีกแม่เหล็กสำคัญในการขาย อย่างไรก็ดี หวังรัฐบาลจะมีการทบทวนนโยบายส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ ผ่านอสังหาฯอีกครั้ง เน้นการดึงกลุ่มชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง มาอยู่อาศัย และพัฒนาบ้านเมือง คล้าย นิวยอร์ก หรือ ลอนดอน ที่คนทั่วโลก นานาชาติ อยู่ร่วมกันได้ และมีการเปิดกว้างการลงทุน หวัง เงินทุน และอัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น จะนำพาประเทศ หลุดจากคำว่า " ประเทศรายได้ปานกลาง"