18บิ๊กเนม ออกหุ้นกู้เดือด  เฉียด2แสนล้าน  ลุยบิ๊กโปรเจ็กต์

16 ก.ค. 2566 | 05:46 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ค. 2566 | 06:19 น.

18บิ๊กเนม ออกหุ้นกู้เดือด ปี2566  เฉียด2แสนล้านบาท   ลุยบิ๊กโปรเจ็กต์ คอนโดมิเนียม บ้านหรู ต่อเนื่อง รับกำลังซื้อ ที่อยู่อาศัยทั้งในกทม. ปริมณฑล ภูมิภาค

 

แม้ปัจจัยหลาย อย่างดูเหมือนจะบวกและเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าปีที่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่างๆ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น และคงมากขึ้นต่อเนื่องไปทั้งปี 2566 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทยที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก รวมไปถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นต่างๆ

ได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เรื่องของการส่งออกซึ่งเป็นอีก หนึ่งเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญอีกตัวยังไม่ดีขึ้น เพราะหลายภูมิภาคของโลกยังอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว และมีความขัดแย้ง ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวมยังไม่ขยายตัวมาก แม้ว่าจะดีขึ้นกว่า 2 – 3 ปีที่ผ่านมาแล้วก็ตาม มองว่ายังไม่สร้างความเชื่อมั่นในระยะยาวมากแบบที่คาดไว้

 

ในส่วนของกำลังซื้อของคนไทย ยังมีปัจจัยลบหลาย เรื่องที่ยังกดดันในส่วนของผู้ซื้อในตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ คนไทยที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ใช้สินเชื่อธนาคาร ซึ่งเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มการขอสินเชื่อธนาคารค่อยข้างเข้มงวดขึ้น

อาจส่งผลให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นการสร้างภาระหนี้สินระยะยาวกลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาคิดนานและต้องลองคำนวณถึงอัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าด้วย ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นก็เป็นปัจจัยลบที่เข้ามากดดันให้การขอสินเชื่อธนาคารที่ก่อนหน้านี้ก็ยากอยู่แล้ว มีการพิจารณาที่ยากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีการขอสินเชื่อธนาคารเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยแล้วไม่ได้รับการอนุมัติกันในอัตราส่วนที่ค่อนข้างสูง

 

เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นมีผลต่อเนื่องถึงการขอสินเชื่อธนาคารแน่นอน การขอสินเชื่อธนาคารยากทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยอาจจะดูเหมือนไม่เป็นไปตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะไม่เกิดการโอนการโอนกรรมสิทธิ์ เงินไม่เกิดการหมุนเวียนในระบบ นอกจากนี้ยังมีผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงระหว่างการผ่อนชำระกับทางธนาคารแล้วมีปัญหาก่อนหน้านี้ และเพิ่งผ่านการเจรจาหรือกลับเข้าสู่กระบวนการผ่อนชำระแบบปกติไม่นานมานี้ รวมไปถึงผู้ที่กลายเป็น NPL หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  ไปแล้วไม่น้อย ทำให้ในระบบของธนาคารมีปัญหาเรื่องนี้ให้ต้องกังวลมากขึ้น

ในฝั่งของผู้ประกอบการยังเห็นการเร่งปิดการขายโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว หรือกำลังจะเสร็จต่อเนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมา เพราะผู้ประกอบการต้องการเงินสดเข้ามาหมุนเวียนในระบบของบริษัท และต้องการเก็บรายได้เข้ามามาก ไว้ก่อน เผื่อมีสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากนี้ ทั้งในเรื่องการเมืองในประเทศยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจน

ยังต้องรออีกหลายฝ่าย ในส่วนของการเมืองระดับโลกการขัดแย้งในหลายๆ ภูมิรัฐศาสตร์ยังมีอยู่ และมีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวรุนแรงได้ในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้ถ้ามีปัญหามากขึ้น หรือมีความรุนแรงเกิดขึ้น แน่นอนว่ากระทบกับประเทศไทยแน่นอน เหมือนที่เคยเกิดขึ้นตอนรัสเซียมีปัญหากับยูเครนตอนต้นปีที่แล้วทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นจนกระทบกับราคาสินค้าอุปโภค บริโภคต่างๆ มาตลอดทั้งปี2565

ขณะผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายรายออกหุ้นกู้ทั้งระยะสั้น และระยะยาวกันมากมาย ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้นบางรายเท่านั้นที่เป็นข่าวว่าผิดนัดชำระหุ้นกู้ แต่รายอื่น ก็ไม่มีปัญหา สามารถจัดการได้ แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ และทิศทางของกำลังซื้อที่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ตอนปีที่แล้ว จึงเริ่มมีความวิตกกังวลว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องหุ้นกู้ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาอาจจะใหญ่กว่าที่ผ่านมา เพราะจำนวนของหุ้นกู้ในตลาดที่ออกจากผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นมีไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม เรื่องของหุ้นกู้นี้อาจจะมีปัญหาไม่มากหรือไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเลยก็ได้ เพราะผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ขาดแคลนเงินสด หรือไม่มีเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทขนาดนั้น เพียงแต่การออกหุ้นกู้เป็น หนึ่งในวิธีการใช้เงินคนอื่นเพื่อนำมาสร้างรายได้ให้กับบริษัทเท่านั้น

โดยใน ปี2566  ข้อมูลจาก “พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ”และ LPN WISDOM  พบว่ามี ผู้ประกอบการ จำนวน18ราย ออกหุ้นกู้  มูลค่ารวม 186,751.96 ล้านบาท  โดยค่ายแสนสิริ ออกหุ้นกู้สูงสุด  มูลค่า 53,455.7 ล้านบาท   ดอกเบี้ย 4.10-4.60%  ครบอายุไถ่ถอน ปี2569-2570 ตามด้วย ตามด้วยค่ายอนันดา ฯ มูลค่า 35,000 ล้านบาท  ดอกเบี้ย 4.5-5.9%  ครบอายุไถ่ถอน ปี2568-2569 อันดับ3 ค่าย เฟรเซอร์ มูลค่า 30,330 ล้านบาท  ดอกเบี้ย NA  ครบอายุไถ่ถอน ปี2569-2573 ส่วนค่าย เอสซีแอสเสท มูลค่า 14,235 ล้านบาท  ดอกเบี้ย NA        ครบอายุไถ่ถอน ปี2569-2570 และพร็อพเพอร์ตี้เฟอร์เฟค มูลค่า 14,084.1ล้านบาท ดอกเบี้ย  6.85% ครบอายุไถ่ถอน ปี2568เป็นต้น 

ประเมินว่า การขอสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปีนี้จึงอาจจะดูเหมือนไม่ง่าย ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ง่ายมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะในฝั่งของผู้ประกอบการ ซึ่งเมื่อกำลังซื้อในตลาดไม่ดี ยอดขายหรือยอดจองไม่สูงมาก การขอสินเชื่อธนาคารเพื่อพัฒนาโครงการก็ทำได้ยากขึ้น ผู้ประกอบหลายรายในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีทางเลือก ในการหาเงินทุนมาพัฒนาโครงการหรือหมุนเวียนในบริษัทจึงเลือกวิธีการออกหุ้นกู้

แม้ว่าการออกหุ้นกู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น และมากกว่าดอกเบี้ยธนาคาร แต่การได้เงินมาหมุนเวียนที่รวดเร็วกว่า ขั้นตอนในการตรวจสอบไม่มาก และนำมาหมุนเวียนในโครงการของตนเองได้สะดวกไม่มีการตรวจสอบ เวลาใช้คืนมีกำหนดที่ตายตัวอยู่แล้วทั้งในเรื่องของระยะเวลา และดอกเบี้ย ผู้ประกอบการมีหน้าที่แค่หารายได้มาชำระเมื่อครบกำหนดก็เรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

 

อสังหาฯออกหุ้นกู้ปี2566