การเคหะฯ พลิกโฉมเมือง ยกระดับคุณภาพชีวิต ผู้อยู่อาศัย รับรถไฟฟ้า

การเคหะแห่งชาติดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ภาครัฐ  มีพันธกิจสำคัญ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงที่อยู่อาศัยทั้งประเภทเช่าและเช่าซื้อโดยที่ดินแปลงใหญ่ที่น่าจับตาและอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง บนที่ดินกว่า 200ไร่ ไข่แดง กลางเมือง ตามโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559

มีมติเห็นชอบในหลักการแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. 2559 -2567) ให้เดินหน้าพัฒนาพื้นที่ชุมชนดินแดง (แฟลตดินแดง)ล่าสุดอยู่ระหว่าง ดำเนินการก่อสร้างโครการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร A1 และอาคาร D1 จำนวน 1,247 หน่วย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2566  หลังโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 อาคารพักอาศัยแปลง G   จำนวน 334 หน่วย รองรับกลุ่ม

ผู้อยู่อาศัยเดิม แฟลตที่ 18-22 เข้าอยู่อาศัยเต็มพื้นที่แล้ว  จากเป้าหมาย เพื่อ ทดแทนอาคารเก่าที่เสื่อมโทรม และเป็นอันตรายให้ดีขึ้นจำนวน 20,292 หน่วย มูลค่าลงทุน 35,000 ล้านบาท  รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมจำนวน 6,546 หน่วย และกลุ่มผู้อยู่อาศัยใหม่ จำนวน 13,746 หน่วย ปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังมีที่ดินแปลงใหญ่ที่น่าจับตา โครงการเคหะชุมชนร่มเกล้า เนื้อที่กว่า600ไร่ มีแผนพัฒนาเป็นเมืองใหม่รองรับเมืองขยาย ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิทำเลศักยภาพตามเป้าหมาย ที่นายชัชชาติสิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สนับสนุนพัฒนาเป็นเมืองขนาดใหญ่รองรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ตามผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 

ที่ดินอีกแปลงที่มีเป้าหมายพัฒนา คือ ที่ดิน คหะชุมชนรามอินทรา บนที่ดินกว่า 100 ไร่ ปัจจุบันมีสภาพเสื่อมโทรม มีปัญหานํ้าท่วมขัง เพราะสร้างมานาน  ตามแผนจะทุบทิ้งบ้าน เก่าและพัฒนาเป็นตึกสูงมิกซ์ยูสซึ่งต้องเจรจากับผู้อยู่อาศัยเดิมหรือใช้วิธีซื้อต่อ โดยทำเลนี้การเคหะฯมองว่ามีความเจริญสูง มีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ผ่าน และที่ดินตั้งอยู่ติดกับถนนรามอินทรา 

 ที่พูดถึงกันมากที่สุดคือโครงการแฟลตคลองจั่น (บึงกุ่ม) เนื้อที่กว่า 10 ไร่ และถมบึงขนาดใหญ่ (ลำพังพวย) ที่มีแผนฟื้นฟูเหมือนกับ แฟลตดินแดง อนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีนํ้าตาล (แคราย-บึงกุ่ม) พาดผ่านซึ่งเป็นทำเลศักยภาพและเพื่อต้องการ ให้ผู้อยู่อาศัยเดิมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นปัจจุบันการเคหะฯได้ชะลอโครงการออกไปก่อน เพราะชุมชนคัดค้าน 

สำหรับที่ดินของการเคหะฯ ยังมีอีกหลายแปลงทั่วประเทศ และอยู่ระหว่างนำออกพัฒนารองรับผู้มีรายได้น้อยผู้พิการรวมถึงผู้สูงอายุ ในอัตราค่าเช่าที่ถูกไม่เกิน 2,000 บาทต่อเดือน และแต่ละโครงการได้จัดพื้นที่รองรับการประกอบอาชีพเพิ่มคุณภาพชีวิต ขณะเดียวกันยังพัฒนาการออกแบบที่อยู่อาศัยให้ทันสมัยเหมือนการพัฒนาของภาคเอกชน สำหรับกลุ่มระดับกลาง-บน

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ระบุว่านอกจากภารกิจของการเคหะฯที่นอกเหนือจากการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบางแล้ว ยังมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชน ให้ดียิ่งขึ้นต่อไปอีกด้วย

นี่คือ แลนด์ลอร์ดใหญ่ของภาครัฐที่น่าจับตาจากการพัฒนาเมือง ให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สอดรับกับความเจริญที่ก้าวเข้ามาอย่างแท้จริง   !!!