หลังจากบริษัทแสนสิริจำกัด(มหาชน) ประสบความสำเร็จ โครงการบ้านลักซ์ชัวรี ช่วงครึ่งปีแรก2566 มียอดขายสูงถึง25,000 ล้านบาท จากโครงการระดับลักซ์ชัวรี 3 แบรนด์ ประกอบด้วย นาราสิริ พหล-วัชรพล - บูก้าน กรุงเทพกรีฑา - เศรษฐสิริ ดอนเมืองมาแล้ว
ล่าสุดในช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริประกาศเปิดตัวโครงการ “บ้านลักซ์ชัวรี” ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าซึ่งขยายวงเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งผลศึกษาที่ทีมวิจัยตลาดของแสนสิริพบ มีอายุราว30-45ปี ประสบความสำเร็จเร็ว จากธุรกิจเอสเอ็มอี ค้าขายออนไลน์ กลายเป็นเศรษฐีใหม่ ช่วงเกิดสถานการณ์โควิด
ส่งผลให้ เขาเหล่านั้นต้องการสร้างตัวด้วยการซื้อบ้านเดี่ยวสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นของตนเอง ส่งผลให้ "บ้านแพง" สามารถเติบโตสวนทางความท้าทายเศรษฐกิจในปัจจุบัน และมองว่าผู้ประกอบการแต่ละค่ายหันมาเจาะตลาดในกลุ่มนี้มากขึ้น ท่ามกลางข้อจำกัด ที่ดิน หายากและมีราคาสูงจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้บ้านมีราคาสูงตามไปด้วย
นายอภิชาต จูตระกูล ประธานกรรมการ บมจ. แสนสิริ สะท้อนว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการเติบโต แม้ไม่สูงมากแต่มองว่า ตลาดยังไปได้ดี โดยเฉพาะตลาดลักซ์ชัวรี และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี เพราะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ที่มีกำลังซื้อโดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินหรือพึ่งพาน้อยที่สุด และเป็นเป้าหมายตอกย้ำผู้นำตลาดกลุ่มนี้ ที่บริษัทให้ความสำคัญ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มุ่งให้แสนสิริเป็นแบรนด์ลักซ์ชัวรีเท่านั้น
"ยอมรับว่าการแข่งขันมีสูงในทำเลเดียวกันมีหลายค่ายเปิดโครงการ และการที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อโครงการของแสนสิริ นั่นเป็นเพราะการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จับต้องได้ เข้าถึงคนรุ่นใหม่"
ดังนั้นช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริจึงเปิดโครงการบ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรี แบรนด์ “เศรษฐสิริ”ล็อตใหญ่ 10โครงการมูลค่า 21,900ล้านบาท ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ประเดิม ทำเลแรก ไตรมาส3 เศรษฐสิริ “วงแหวน -จตุรโชติ ระดับราคา 15-30ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่ามีแลนด์แบงก์สะสมพอขยายโครงการต่อเนื่อง และสำหรับเหตุผลที่เลือกทำเลนี้ เพราะเป็นทำเลศักยภาพ เข้าใจกลางเมืองสะดวกในหลายเส้นทางอาทิ ทางพิเศษ(ทางด่วน)
ขณะทำเลอื่นมีแผนขยายต่อไป อาทิ เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ -สาย1 ราคาเริ่มต้น30ล้านบาท เนื่องจากเป็นทำเลศักยภาพ ราคาที่ดินปรับตัวสูง และไตรมาส4 มีแผนพัฒนาโครงการเศรษฐสิริบางนา-สุวรรณภูมิ เศรษฐสิริพหลโยธิน-สายไหม เศรษฐสิริรวมโชค(เชียงใหม่)จังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวทางภาคเหนือ
นอกจากนี้ยังมีเศรษฐสิริราชพฤกษ์-นครอินทร์ เศรษฐสิริกรุงเทพ-ปทุมธานี2 และเศรษฐสิริราชพฤกษ์ -พรานนก ส่วนโครงการบ้านแนวราบกลุ่มอื่นรวมถึงคอนโดมิเนียมมีแผนเปิดตัวอีกหลายโครงการ
นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาสุโสฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบบมจ.แสนสิริเสริมว่า ในทำเลจตุโชติ ยอมรับว่า มีทุกค่ายทุกแบรนด์เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งแน่นอนว่า ทุกที่ที่ไปมีการแข่งขัน โดยในปีนี้ แสนสิริเตรียมเปิดโครงการใหม่จำนวน18โครงการมูลค่า 38,400ล้านบาทคลุมทั้ง5แบรนด์โดยไฮไลต์สำคัญคือการขยายพอร์ตสินค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวมากขึ้นด้วยบ้านระดับลักซ์ชัวรีแบรนด์เศรษฐสิริระดับราคา 12-30ล้านบาท ที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลงและประสบความสำเร็จเร็ว
ที่ผ่านมาแสนสิริประสบความสำเร็จในแบรนด์เศรษฐสิริมาแล้ว เกือบ30โครงการ มูลค่ากว่า70,000ล้านบาท ที่ตอกย้ำจุดแข็งของแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริภายใต้แนวคิด Portrait of Success และเดินหน้าที่จะพัฒนาต่อไป