นายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีบียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานสัมมนา Property Insight : โจทย์ใหญ่ฟื้นอสังหาริมทรัพย์ เรื่อง โอกาส และ ความท้าทาย ฟื้นอสังหาไทย จัดโดยฐานเศรษฐกิจ ว่า ภาคเอกชนในธุรกิจอสังหาฯ ยังคงต้องการมาตรการจากภาครัฐมาช่วยขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวต่อไปได้ และจะให้ดีคือต้องยกเลิกหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย หรือ มาตรการ LTV
นายวรเดช กล่าวว่า ความคิดเห็นส่วนตัวมีเรื่องที่อยากจะส่งไปถึงภาครัฐตัดสินใจเรื่อง มาตรการ LTV ต้องเลิกใช้ เพราะไม่ใช่มาตรการที่เอามาชื่อควบคุมคุณภาพของสินเชื่อ และไม่ใช่มาตรการที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเมื่อออก LTV มายังไงยอดขายก็แตะเบรก จึงอยากให้หาวิธีควบคุมสินเชื่อรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อไปคุมสินเชื่อที่ด้อยคุณภาพ และทำให้แผนจัดการทางการเงินให้ดีขึ้น
โดยมีข้อเสนอว่า ในวิธีการควบคุมคุณภาพของสินเชื่อนั้นสามารถดำเนินการได้ผ่านวิธีเช่น การขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระค่าที่อยู่อาศัยจาก 30 ปี เป็น 40 ปี หรือ 50 ปี หรือทำให้เป็นสินเชื่อฐานแรกที่มีราคาต่ำลง เช่นเดียวกับการเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยให้มีความเหมาสม รวมทั้งการหาทางผ่อนปรนการชำระสินเชื่อง่ายขึ้น ช่วยคนที่มีรายได้น้อยได้ได้หายใจง่ายขึ้น หรือจะรวมภาระทั้งหมดเข้าด้วยกันไปอยู่ที่สินเชื่อบ้าน
“จริง ๆ มีมาตรการในการแก้ไขที่อยากจะเสนอแนะมากมายไม่ใช่วิธีการออก LTV แน่นอนว่าถ้าออกมาตรการนี้แล้วกระทบยอดขายสะดุด ซึ่งภาคอสังหาฯ ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ จะกระทบทั้งระบบ ตั้งแต่อิฐ หิน ปูน ทราย ลูกหนี้ธนาคาร จะกลายเป็นวิกฤตที่น่ากลัวที่สุด โดยเรื่องนี้หากใช้ยาผิดจะเกิดปัญหาได้”
ทั้งนี้มองว่า ในการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาฯให้ขยายตัวต่อไปได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าจำเป็นต้องขับเคลื่อนด้วยระบบสินเชื่อ เพราะปัจจุบันนี้ธุรกิจอสังหามีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ Fintech เกิดขึ้นจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มให้สินเชื่อประเภทต่าง ๆ และตอนนี้ภาคธุรกิจก็เริ่มหันมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ผ่านระบบนวัตกรรมของสินเชื่อเข้ามากระตุ้นภาคอสังหาฯ
นายวรเดช ยอมรับว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคและผู้พัฒนาอสังหาฯ ได้เปลี่ยนไปจากเดิม โดยหันมาใช้สินเชื่อทางเลือกมากขึ้น เช่น การเช่าซื้อ การเช่า และการลงทุนอสังหาฯ ผ่านนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับการมีแพลตฟอร์มการซื้อ-ขายอสังหาฯ ผ่านเทคโนโลยี Block Chain ซึ่งช่วยเพิ่มทางเลือกในการซื้อขขายอสังหาได้สะดวกขึ้น
“ในอนาคตจะแบ่งเป็นโลกของผู้ลงทุนในอสังหาฯ ใช้เงินแค่ 2 แสน หรือ 5 แสนบาท ก็เป้นเจ้าของอสังหาฯ เมื่อเบื่อก็ขายตัวนั้นออก เป็นเหรียญ TOKEN หรือแลกเปลี่ยนใหม่เป็นประเภทอื่นแทน คนจะไม่นิยมแบบการซื้อขาดแต่เป็นแบบเช่าซื้อมากขึ้น ส่วนสิ่งที่อยากให้มี มองว่าตอนนี้อยากให้มีรัฐบาลโดยเร็วด้วย” นายวรเดช ระบุ