RML ย้ำ  “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์” ยอดโอน ดีต่อเนื่อง

01 ต.ค. 2566 | 08:58 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2566 | 09:09 น.

RML ย้ำ  “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์” คอนโดมิเนียมลักชัวรี และอัลตร้าลักชัวรี ยอดโอน ดีต่อเนื่อง โชว์แบ็กล็อกรอโอนกว่า 4,682 ลบ. ปีนี้ยอดขายตามเป้า 6,700 ล้านบาท

 

โครงการลักชัวรีและอัลตร้าลักชัวรีเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการทำเลย่านศักยภาพศูนย์กลางเมืองตอบโจทย์การอยู่อาศัย ความสะดวกปลอดภัย ที่ทั้งเศรษฐีไทยและต่างชาติชื่นชอบ เช่นเดียวกับโครงการ  คอนโดมิเนียมสุดหรู “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์”  (The Estelle Phrom Phong)   ของบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด ( มหาชน) หรือ RML  ผู้นำวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีและอัลตร้าลักชัวรี

มียอดโอนกรรมสิทธิ์มากถึง 3,600  ล้านบาท หรือประมาณ 85%ของจำนวนยูนิตพร้อมโอน ประเมินว่า ยอดขายรวมทุกโครงการปีนี้ที่ 6,700 ล้านบาท ถือว่าประสบความสำเร็จสูง ในทำเลระแวกเดียวกัน  หลังประสบความสำเร็จ ผลประกอบการครึ่งปีแรกปี2566 มียอดขาย  รวม 1,072 ล้านบาท โตขึ้น 42% จากช่วงเวลาเดียวกันของ ปีก่อนที่มียอดขาย 753 ล้านบาท

 

 

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-มิถุนายน 2566) ของบริษัทฯ ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สะท้อนให้เห็นได้จากยอดขาย (Presales) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรก โดยหลักๆ มาจากโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ คอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่ ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ และ ดิ เอ็มดิสทริค (The Em District) เพียง 2 นาที

ขณะเดียวกันทางด้านยอดขายก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทุกโครงการที่เปิดขายอยู่ใกล้จะปิดการขาย  แล้ว โดย ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ มียอดขายถึง 90% และ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ (Tait Sathorn12) คอนโดฯ ลักชัวรี่ใจกลางสาทร ใกล้ BTS เซนต์หลุยส์ เพียง 180 เมตร กวาดยอดขายไปแล้วถึง 95%

รวมถึงบริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ อย่าง โอซีซี (วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์) โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกรวมถึงความสนใจจากลูกค้าแล้วประมาณ 70% สะท้อนถึงความต้องการคอนโดฯ ลักชัวรีและอัลตร้า    ลักชัวรีรวมทั้งอาคารสำนักงาน Grade A+ ที่ยังคงมีอยู่มาก

กรณ์ ณรงค์เดช

“ช่วงไตรมาส 2/66 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (“กนง.”) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 2 ต่อปี อีกทั้งราคาวัสดุก่อสร้างและต้นทุนแรงงานก็ยังมีการปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องด้วยการบริหารจัดการที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ สามารถตรึงราคาต้นทุนวัสดุก่อสร้างและต้นทุนแรงงานของโครงการปัจจุบันทั้งหมดตั้งแต่ช่วงที่มีการเปิดตัวโครงการ รวมถึงบริษัทฯ ยังสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินที่เป็นดอกเบี้ยทั้งแบบอัตราลอยตัวและอัตราคงที่ได้เป็นอย่างดี” 

สำหรับแผนงานในช่วง 6 เดือนสุดท้ายของปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 4,682 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยจะทยอยรับรู้รายได้โครงการ "ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์" และเตรียมรับรู้รายได้โครงการ "เทตต์ สาทร ทเวลฟ์" ซึ่งจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ของห้องชุดครั้งแรกในไตรมาส 3 ภายหลังจาการก่อสร้างแล้วเสร็จ ตลอดจนยังคงหามุ่งหาผู้เช่า "โอซีซี" ซึ่งขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานเชื่อม (Sky bridge) ต่อกับบีทีเอสเพลินจิต โดยสะพานเชื่อมจะสร้างเสร็จภายในปลายปีนี้

คาดว่าจะช่วยผลักดันให้ผู้เช่ามาเช่าพื้นที่โอซีซีเพิ่มมากขึ้น และทำให้อัตราการเช่าโอซีซีเต็มพื้นที่เช่าในปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดขายโครงการ โรสวูด  เรสซิเดนซ์เซส กมลาจังหวัดภูเก็ต (Rosewood Residences Kamala) รอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ (Private Sales) และจะเริ่มขายโครงการอัลตร้าลักชัวรี่ แนวราบ บนทำเลสุขุมวิทในปลายปี ซึ่งจะสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ และตอกย้ำภาพลักษณ์ RML ในฐานะผู้นำวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น