บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำนวัตกรรมสีและวัสดุก่อสร้างครบวงจร ผลประกอบการเติบโตดีต่อเนื่อง โดยไตรมาส3 ปีนี้ (Q3/66) ยังรักษาแชมป์ สร้างการเติบโตต่อเนื่องและแนวโน้มไตรมาส 4 ยังคงสดใสและเติบโต เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นการก่อสร้างและแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวม 5,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7% ด้วยกลยุทธ์การทำธุรกิจอย่างครบวงจร ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมสี เคมีภัณฑ์ก่อสร้างยิปซั่มบอร์ดมีเครือข่ายจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ
รวมทั้งแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้ 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวมกว่า 16,666 ล้านบาท เติบโต 9% ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 มากถึง 651 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นกว่า 86% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รวมถึงกำไรสุทธิใน 9 เดือนแรก รวมกว่า 2,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% ทั้งนี้จากอัตรากำไรขั้นต้นในภาพรวมที่มีการฟื้นตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการบริหารจัดการด้านวัตถุดิบและต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับวัตถุดิบบางส่วนปรับราคาลง
สำหรับภาพรวมตลาดในไตรมาสที่ 4 มองว่ายังมีแนวโน้มเป็นบวก สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะดีมานด์มีความต้องการใช้สีและวัสดุก่อสร้างไปจนถึงต้นปี 2567 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมก่อสร้างและการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการภาครัฐ เพื่อสร้างรายได้ให้มีเม็ดเงินหมุนเวียน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้คล่องตัวขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยหลัก ESG ครบทุกมิติ จนทำให้ได้รับการประเมินเป็นหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) ระดับ A ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประจำปี 2566 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน นักวิเคราะห์การลงทุน และผู้จัดการกองทุน ด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ทั้งการมีธรรมาภิบาลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม ควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ด้วยภารกิจการเป็นองค์กรอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวมาตรฐานใหม่ “TOA GREEN CERTIFIED” สัญลักษณ์สินค้าคุณภาพ การันตีด้วยเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยที่ดีต่อผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย
1. HEALTH AND WELLNESS : ผ่านมาตรฐาน Indoor Environmental Quality, LEED 4.1 และ WELL สารระเหยอินทรีย์ (VOCs) ต่ำ
2. GREEN PRODUCTION : ผ่านมาตรฐานการผลิต Green Industry Level 4 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) มีฉลากคาร์บอน ใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต ลดของเสียจากกระบวนการผลิต
3. GREEN MATERIAL AND PACKAGING : ลดการใช้วัตถุดิบที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเวียนบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ และการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ
4. ENERGY AND COST SAVING : ช่วยประหยัดพลังงาน ลดความร้อนในอาคาร (ฉลากประหยัดพลังงาน เบอร์ 5) เพิ่มอายุการใช้งาน ลดทรัพยากรและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอาคาร ลดขั้นตอน ประหยัดเวลาการทาสี
5. GREEN INNOVATION AND SOLUTION : นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่ดีกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น ที่พ่วงด้วยมาตรฐานระดับโกล์ดคลาส (TOA Green Certified Gold Class) สำหรับสินค้าที่มีนวัตกรรมสีเขียวขั้นสูง ด้วย 2 สุดยอดนวัตกรรมสีรักษ์โลก กับรางวัลชนะเลิศ 2 ปีซ้อน “Best Innovation Award 2022 - 2023” จากเวทีงานสถาปนิก ทั้ง ‘TOA Organic Care’ สีทาภายในที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี Bio-Based ใช้วัตถุดิบหลักจากพืชหมุนเวียน รายแรกและรายเดียวในไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก USDA สหรัฐอเมริกา และ ‘TOA AQUA SHIELD’ สีเคลือบทับหน้ารวมรองพื้น สูตรน้ำ กลิ่นอ่อน ปลอดภัย ทาได้หลากหลายพื้นผิว และนี่จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก.. แต่เป็นทางรอดของพวกเรา เพียงมองหาสินค้าที่ลดการใช้วัตถุดิบที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มองหาสัญลักษณ์มาตรฐานใหม่ ‘TOA GREEN CERTIFIED’
“TOA เดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพื่อก้าวสู่ปีที่ 60 กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมสีที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่ NET ZERO” นายจตุภัทร์ กล่าว