กว่า43 ปีกับการเติบโตของธุรกิจที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง สำหรับบริษัท แกรนด์โฮมมาร์ท จำกัด โดยเฉพาะนวัตกรรมทันสมัย มีเอกลักษณ์โดดเด่น จากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงหัวใจการบริการแบบครบวงจร จึงไม่แปลกที่จะเป็นผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์กระเบื้อง วัสดุตกแต่งบ้านชั้นนำภายใต้พลังการบริหารงาน ของ “ทายาทรุ่นท 2” นักธุรกิจ รุ่นใหม่ไฟแรง ที่มาพร้อมแนวคิดกลยุทธ์มุ่งเน้นเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคทุกกลุ่ม ตั้งแต่เจ้าของโครงการผู้รับเหมาสถาปนิกดีไซเนอร์ และเจ้าของบ้าน รวมถึงให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าเดิม ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าใหม่เจาะกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยลักชัวรี
ที่ประเมินว่ามีแนวโน้มเติบโตสูงเป็นเทรนด์ที่มาตั้งแต่ หลังสถานการณ์โควิด ดีเวลลอปเปอร์ระดับบิ๊กแบรนด์ให้ความสำคัญ ขณะกลุ่มคอนโดมิเนียม ที่เคยเป็นตลาดใหญ่ พบว่ายังไม่ฟื้นตัวดังนั้น กลุ่มบ้านแพงและโครงการมิกซ์ยูสจึงเข้ามาทดแทนเพราะเชื่อว่ากลุ่มกำลังซื้อสูง ต้องการผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมตอบโจทย์ ความสะดวกสบาย เช่นกัน
ที่ประสบความสำเร็จดีลใหญ่ “วัน แบงค็อก” อภิมหาโปรเจ็กต์ที่เลือกใช้สุขภัณฑ์ของ “แกรนด์โฮม” เช่นเดียวกับโครงการรีโนเวทศูนย์การค้าขนาดใหญ่ กลุ่มเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิและบางแค รวมถึงเอ็มสเฟียร์อาณาจักรมิกซ์ยูสแห่งใหม่ย่านสุขุมวิทจุดประกายกลุ่มลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ต่อๆไป
อย่างไรก็ตาม “แกรนด์โฮม” เน้นตลาดกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัย 80% ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นค่ายอสังหาริมทรัพย์ระดับแถวหน้าของเมืองไทย หากตลาดนี้เติบโตแน่นอนว่าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องย่อมเติบโตตามไปด้วยคาดว่าปี 2567 ตั้งเป้ารายได้กว่า 4,252 ล้านบาท และ 5,000 ล้านบาท ในอีก 2 ปีข้างหน้าการวางเป้าเติบโตและการขยายธุรกิจต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังดูทิศทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
มุมสะท้อนของ นายพีระพัฒน์ ทยานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารและค้าปลีก เปิดเผยว่า แกรนด์โฮมแบ่งธุรกิจออกเป็น3กลุ่ม คือธุรกิจขายโครงการ ธุรกิจขายปลีกและธุรกิจอีคอมเมิร์ช กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ยังคงรักษามาตรฐานและให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีอยู่ ผ่านการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขายโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของกลุ่มลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ควบคู่ไปกับการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ไปในกลุ่มลักชัวรี เพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกันในส่วนของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขายปลีกจะมีการวางแผนปรับโฉมโชว์รูมเดิมที่มีอยู่จำนวน 4 แห่ง เพื่อรองรับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการภายใต้การบริการที่มีคุณภาพและมีจุดเด่น ครบ จบ ในที่เดียวคาดว่าในปี 2566 นี้ จะสร้างรายได้เป็นไปตามเป้า 4,050 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 8%
“ทิศทางการดำเนินธุรกิจและการบุกตลาดของแกรนด์โฮมในปีหน้า ยังเน้นการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพด้วยนวัตกรรมที่โดดเด่นตอบโจทย์ทุกการใช้งาน และเป็นผลิตภัณฑ์ ESG (Environment, Social, และ Governance) ซึ่งเป็นเทรนด์ของผลิตภัณฑ์ที่สำคัญและสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก”
นายพีระพล ทยานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานขายโครงการและผลิตภัณฑ์ต่างประเทศ ระบุว่า แนวทางการพัฒนาสินค้าและบริการในอนาคต ได้ให้ความสำคัญกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์จากทุกมุมโลกโดยมุ่งเน้นที่เทรนด์ นวัตกรรม และการบริการ โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไฮไลต์ 3 กลุ่มได้แก่
1.กลุ่ม Tiles’ Story แหล่งรวมกระเบื้องชั้นนำจากทุกมุมโลก
2.กลุ่ม Baths’ Story แหล่งรวมสุขภัณฑ์ชั้นนำจากแบรนด์ดังพร้อมการติดตั้งและการบริการหลังการขาย
3.กลุ่ม Kitchens’ Story ภายใต้ 2 แบรนด์ ได้แก่ Le Krua ครัวปูน รวมถึง The Common ที่ควบคุมการผลิตรูปแบบ One Stop Service บริการตอบโจทย์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น Quick Solution และ Grand Renovation เพื่อให้บริการทั้งงานก่อสร้าง ต่อเติม จนถึงงานซ่อมแซมอีกด้วย
นายภูมิระวี ใจดีผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานครัว ระบุว่า สินค้าหมวดชุมครัวก่อตั้งมาได้ประมาณ 6 ปี เฮ้าส์แบรนด์มีสองส่วนคือ โครงสร้างทำจากไม้ และครัวปูนที่ผลิตจากโรงงาน และนำมาติดตั้งหน้างาน โดยจะมีบริการออกแบบวัดพื้นที่ ติดตั้งงาน แบบ One Stop
Service ที่ลูกค้าเลือกตามความต้องการ วัสดุป้องกันเชื้อแบคทีเรีย สีพ่น เน้นเป็นพิษต่อสังคมน้อยกว่า โดยทุกรูปแบบเน้นการใช้สอยที่เหมาะสม ตรงตามประโยชน์ใช้สอยของลูกค้า และหัวใจสำคัญคือตัว “ฟิตติ้ง” ยึดเกาะบานประตูนำ เข้าจากยุโรปคงทนค่อนข้างสูงทนทานมากกว่า ครัวบิวท์อิน มองว่า ธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตมากขึ้นตามการขยายตัวของโครงการขนาดใหญ่ บ้านลักชัวรีที่แกรนด์โฮมมีครบและมาพร้อมกับนวัตกรรมต่างๆที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้
นางสาว นภานันทน์ แม้นชูวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานขายโครงการ สะท้อนว่า ปีนี้ในมุมมองลูกค้าโครงการ มีลูกค้าหลายกลุ่ม ลูกค้ามีโจทย์มาให้ไม่เหมือนกันทุกกลุ่มลูกค้ามุ่งเน้น นวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆมาตอบโจทย์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้างบ้านผู้อยู่อาศัยหรืองานโรงพยาบาลแต่สินค้ามีหลากหลายดังนั้น ของโครงการเราจะยังมุ่งเน้นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มปัจจุบันของ บริษัท โดยจะทำงานเชิงลึกกับลูกค้ามากขึ้นเนื่องจากสินค้ายิ่งนวัตกรรมมากเท่าใด จะไม่สามารถขายแล้วจบได้ ซึ่งบริษัท ต้อง ปรับ ตัวมาในรูปแบบของกึ่งโซลูชั่น โพวายเดอร์ ให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบ
ที่มักถูกโยนโจทย์มาให้ว่าอยากได้แบบนั้นแบบนี้เราต้องทำหน้าที่ ตั้งแต่จัดหา คุมงบประมาณให้กับลูกค้าด้วย และสินค้าที่เน้นยํ้าไม่พ้นเรื่อง ESG รวมเรื่องกรีนโปรดักส์ซีโร่ คาร์บอน ที่ปัจจุบันไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชนเน้นยํ้าตั้งเป้าไว้ที่ปี 2050ที่เป็นโปรดักส์ ซีโร่ คาร์บอน ซึ่งบริษัท เป็น ซัพพลายเชนช่วยลูกค้าในการหาโซลูชั่นในเรื่องนี้เช่นเดียวกันด้วยการผลึกกำลังจากซัพพลายเออร์ ที่แข็งแรงจะเป็นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่ไปเจาะเป็นดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่อาทิ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เอสซีแอสเสท เอพีไทยแลนด์ ศุภาลัย ฯลฯ ที่ทิศทางตลาดปีหน้าจะยังคงเป็น บ้านลักชัวรี ระดับราคา ที่เปิดขายกันในราคาหลักร้อยล้านบาท นั้นหมายถึง จะมาพร้อมกับนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการขนาดใหญ่รูปแบบ มิกซ์ยูส ถือเป็นโอกาส ที่ดีสำหรับ บริษัท ที่ได้งาน โครงการ “วันแบงค็อก” เลือกใช้สุขภัณฑ์ของ ของแกรนด์โฮม กว่า 90% รวมถึง ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ และ บางแค ส่วนกระเบื้อง เป็น เอ็มสเฟียร์ ของกลุ่มเดอะมอลล์ ส่วนรีเทลได้ปรับโฉมโชว์รูมใหม่ อาทิ บางนา งามวงศ์วานรัตนาธิเบศร์ รามอินทรา
นี่คือการขับเคลื่อนองค์กร ไปสู่ความสำเร็จภายใต้การนำของคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตายิ่งสำหรับ “แกรนด์โฮม” !!!