ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในปี2567 ยังเผชิญความท้าทายและกำลังซื้อชะลอตัวต่อเนื่องโดยมีสาเหตุมาจากหนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้อเปราะบาง คอนโดมิเนียมระดับราคาตํ่ากว่า 3 ล้านบาทถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง ขณะเดียวกัน ทำเลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แข่งขันรุนแรง ที่ดินสำหรับพัฒนาบ้านระดับลักชัวรี ค่อนข้างหายากและมีราคาแพง
ส่งผลให้การเปิดตัวในปีนี้ของแต่ละค่ายลดลง แต่มูลค่าและการตั้งเป้ายอดขายไม่แพ้ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ดีเวลลอปเปอร์ ส่วนใหญ่ให้นํ้าหนักไปที่โครงการบ้านหรู บุกทำเลหัวเมืองท่องเที่ยว จังหวัดเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ที่กำลังฟื้นตัว จากภาคท่องเที่ยวและบริการเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงทั้งเศรษฐีคนไทยและกลุ่มต่างชาติ ที่ไม่ต้องกังวลต่อการนำกลับมาหมุนขายใหม่จากการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงิน
หัวเมืองใหญ่-ท่องเที่ยวฟื้นต่างชาติคัมแบ็ก
โดยพบว่าปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางกลับเข้าไทยเพิ่มสูง ทั้งกลุ่มรัสเชีย ประเทศแถบยุโรป ไต้หวัน ฮ่องกง จีน อีกทั้งรัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนดึงต่างชาติเข้าไทยคือวีซ่าฟรี โดยล่าสุด วีซ่าฟรีไทย -จีน ถาวร ซึ่งมีผลในทางปฏิบัติ วันที่1 มีนาคม และประเมินว่าจะมีตัวเลขคนจีนเดินทางเข้าไทยมากขึ้น เนื่องจาก มีความชื่นชอบเมืองไทยอยู่เป็นทุนเดิม และแน่นอนว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะได้อานิสงส์ จากการกลับมา ของคนกลุ่มนี้
สะท้อนจากปี2566ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC)รายงานตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของต่างชาติ พบว่า 9 เดือนแรก มี 10,703 หน่วย มูลค่า 52,259 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.6% และ 23.3% ตามลำดับ สัญชาติจีนยังคงซื้อคอนโดมิเนียมมากที่สุดเป็น 4,991 ยูนิต มูลค่า 24,740 ล้านบาท ขนาดพื้นที่เฉลี่ย 39.2 ตารางเมตร ต่อยูนิต ราคาเฉลี่ย 5.0 ล้านบาทจังหวัดที่มีการซื้อคอนโดมิเนียมของคนต่างชาติมากสุดคือ กรุงเทพ มหานครและปริมณฑล ต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และระยอง
ใกล้เคียงกับ ช่วงก่อนเกินโควิด โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลเงินโอนกรรมสิทธิ์ คอนโดมิเนียม ของชาวต่างชาติแยกตามประเทศหรือสัญชาติเจ้าของบัญชี ในช่วง 5 ปี (2561-2565) พบว่า ปี 2561 ถือว่าเป็นปีที่มียอดเงินโอนกรรมสิทธิ์ ต่างชาติเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมมากที่สุด มูลค่า 91,005 ล้านบาท และในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนเกิดโควิดยอดเงินโอนเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมของต่างชาติปรับลดลงมาที่ 67,596 ล้านบาท ปี 2563 เป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด
พบว่ายอดเงินโอนเพื่อซื้อคอนโด มิเนียมของต่างชาติลดลงมาอยู่ที่ 52,805 ล้านบาท ในปี 2564อยู่ที่ 44,326 ล้านบาท ขณะปี 2565 โควิดคลี่คลาย เริ่มเปิดประเทศยอดเงินโอนกรรมสิทธิ์ คอนโดมิเนียม ของต่างชาติปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 63,197 ล้านบาท
แสนสิริบุกต่อภูเก็ต-หัวหิน
เริ่มจากยักษ์ใหญ่บริษัทแสนสิริ จำกัด(มหาชน) หรือ SIRI ผู้นำในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยของไทย เจ้าตลาดหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ต ที่มองเห็นศักยภาพ เข้าไปบุกเบิกสร้างอาณาจักรตั้งแต่ช่วงแรกๆ ผลิตโครงการทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบครอบคลุมทุกกลุ่มวัยในทุกเซ็กเมนต์กว่า 30 โครงการ โดยปีนี้มีแผนลงทุนโครงการต่อเนื่อง จากแผน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2566-2570 จำนวน 16 โครงการแนวราบ9 โครงการ คอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ในปีนี้มีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม20 โครงการ 2.6หมื่นล้านบาท กระจายในทำเลหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ โดย ไฮไลต์เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเด้นซ์ หัวหิน คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ที่มีแผนเปิดตัวในต้นปีนี้ โดยจับมือกับ สแตนดาร์ดอินเตอร์เนชั่นแนล Branded Residences และซีจี แคปปิตอล ตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่พัฒนาเดอะ สแตนดาร์ด เรซิเดนซ์ บางเทา จังหวัดภูเก็ต เขย่าสองเดสติเนชั่น ท่องเที่ยวระดับโลก
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ทุกค่ายขยับยึดหัวเมืองสำคัญมีสาเหตุมาจาก เป็นจังหวัดที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากภาคท่องเที่ยวเป็นหมุดหมายที่ต่างชาติและคนไทยนิยมมีบ้านหลังที่สองเพื่อพักผ่อน และลงทุนระยะยาว
ชาญอิสสระเจ้าถิ่นปักหมุดมิกซ์ยูส
เช่นเดียวกับค่ายชาญอิสสระ ที่นายดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด ประกาศแผนปีนี้ ว่า มีแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส แบรนด์ศรีพันวา ทั้งโรงแรมหรูและวิลล่าบนที่ดินกว่า 70 ไร่ ที่ เชิงทะเลทำเลศักยภาพกลางชุมชนใหญ่ใกล้เซ็นทรัลมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทซึ่งจะเป็นโครงการคนละรูปแบบจากศรีพันวา โครงการแรก มีบรรยากาศอยู่กับทะเล มีชายหาดส่วนตัว แต่ศรีพันวาแห่งที่2จะอยู่ในย่านชุมชนแต่ได้รับการยืนยันว่าเป็นทำเลที่สวยงามและมีศักยภาพเดินทางเชื่อมต่อเข้าเมือง สนามบินได้สะดวก
ออริจิ้น ปักธง เขาใหญ่ -ภูเก็ต
มาที่บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ผู้พัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปีนี้ บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด บริษัทในเครือ สร้างโมเดลใหม่ พัฒนาเมืองระดับเมกะโปรเจ็กต์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด” (Origin Resort World) พัฒนาอาณาจักรมิกซ์ยูสในทำเลท่องเที่ยวศักยภาพ สร้างเมืองที่บูรณาการทุกองค์ประกอบ อาทิ โรงแรมระดับ 5 ดาว, วิลล่า, คอนโดมิเนียม และ บริการด้าน Wellness ให้เป็น World Detitanation แห่งการพักผ่อนครบวงจรอย่างเหนือระดับ
โดยวางแผนพัฒนาระยะ 5 ปี (2567-2572) นำร่องพัฒนาโครงการออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด ก่อนใน 2 ทำเล ได้แก่ ออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด ภูเก็ต | บางเทา บีช และ ออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด | เขาใหญ่ มูลค่าโครงการรวมกันกว่า 11,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพ ท่องเที่ยวระดับโลกที่ต่างชาติและคนไทยให้ความสนใจ
โดยทำเลเขาใหญ่ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพมหานครเพียง 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะหากทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) บางปะอิน- นครราชสีมา เปิดให้บริการเต็มทั้งโครงการจะใช้เวลาเดินทางเพียง 1ชั่วโมงเศษเท่านั้น เช่นเดียวกับ ภูเก็ต ทำเลติดหาดบางเทา ศูนย์กลางในการเดินทางเพื่อไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ของภูเก็ตสำหรับ โครงการออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด ภูเก็ต | บางเทา บีช มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 25 ไร่ ซึ่งทั้งสองโครงการจะลงมือก่อสร้างพร้อมกันในปีนี้
ASW บุก EEC -ภูเก็ต
ด้าน บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่เติบโตแบบน่าจับตา จากการจับมือพันธมิตรร่วมลงทุนโครงการหลากหลาย ล่าสุดมีแผน ขยายธุรกิจสู่ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือEEC ทั้งศรีราชา, บางแสน และระยอง เมืองท่องเที่ยวสำคัญและแหล่งนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยล่าสุดได้มีการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนหลายแบรนด์ที่มาตั้งฐานการผลิตในเขต EEC ทำให้ยังคงมีดีมานด์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ทั้งซื้ออยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต หลังประสบความสำเร็จ พัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ THE TITLE ภายใต้บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ในเครือ แอสเซทไวส์ ซึ่งล่าสุดได้เปิดขายโครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างดีเยี่ยม จนตอนนี้มียอดขายรวมแล้วกว่า 80% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ THE TITLE
โดยปีนี้ ได้ต่อยอดความสำเร็จ บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเดอะ ไทเทิล เฮอริเทจ บางเทา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท, โครงการเดอะ ไทเทิล เซเรนิตี้ ในยาง มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท และโครงการเดอะ ไทเทิล ราไวย์ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (BOTANICA Grand Avenue) ลักซ์ชัวรีพูลวิลล่าที่เป็นเมกะโปรเจ็กต์ มูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาท ในสัดส่วน 30% ทำให้พอร์ตอสังหาริมทรัพย์ ในภูเก็ตของแอสเซทไวส์มีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น มีโปรดักต์ครอบคลุมทั้ง Leisure คอนโดมิเนียม และวิลล่าระดับลักซ์ชัวรี และยังมองหาธุรกิจใหม่สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“สิงห์เอสเตท”ลุยศรีราชา
ด้าน บมจ.สิงห์เอสเตท อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทยที่ปักหมุด เมืองมิกซ์ยูส บนที่ดิน 24 ไร่ ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงาน รองรับกำลังซื้อต่างชาติเพื่อลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มองว่าพื้นที่ EEC มีกำลังซื้อสูงจากผู้บริหารที่มาจากจากต่างชาติ รวมทั้งคนไทยที่ต้องการเป็นบ้านหลังที่สอง และรัฐลงทุนสาธารณูปโภค และอยู่ระหว่างผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) รวมถึงเมืองการบินอู่ตะเภา ให้เกิดขึ้นโดยเร็วซึ่งจะมีแรงงานและความต้องการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นจำนวนมาก
AWC ซื้อที่ดินเชียงใหม่7แปลงรวด
มาที่จังหวัดเชียงใหม่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ภายใต้การบริหารโดย นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทายาทเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ตั้งงบฯลงทุนกว่า 1,200 ล้าน บาทซื้อที่ตำบลช้างคราญทำเลศักยภาพ ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาเชิงพาณิชย์ โดยแจ้งตลาด แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท ประชุม ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติอนุมัติการได้มาซึ่งทรัพย์สินของบริษัท โดยการเข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน จำนวน 7 แปลง
ORN เขย่าตลาดเชียงใหม่-ภูเก็ต
บมจ. อรสิริน โฮลดิ้ง (ORN) บริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่ทางภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ มีแผน พัฒนาโครงการต่อเนื่องจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีกำลังซื้อต่างชาติเข้ามา หลังเปิดให้จองโครงการคอนโดมิเนียม ที่ชาวไต้หวันเข้ามาจับจองจำนวนมาก เพื่อให้บุตรหลานได้อยู่อาศัยใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ และเพื่อลงทุนในระยะยาวซึ่งราคาอยู่ในช่วง 3 ล้านบาทขึ้นไปรองลงมาคือลูกค้าชาวจีน
นอกจากนี้ทำเลที่น่าจับตาคือถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 121 หรือถนนวงแหวนรอบนอกเมืองเชียงใหม่ (ถนนวงแหวนรอบ 3 เชียงใหม่ ) ที่มีดีเวลอปเปอร์เข้าปักหมุดโครงการกันมากทั้งแสนสิริ ศุภาลัย ฯลฯ โดยบริษัทมีแผนพัฒนา 6 โครงการ มูลค่ารวม 4,302 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แนวราบ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,379 ล้านบาท และ แนวสูง 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,923 ล้านบาท ยังไม่รวมโรงเรียนนานาชาติ
ที่สำคัญนี้ปีนี้มีแผนข้ามห้วยไปจังหวัดภูเก็ต ซึ่งอยู่ใกล้หาดบางเทา หลังโรบินสันแห่งใหม่ ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ที่รองรับทั้งกลุ่มกำลังซื้อคนไทยและต่างชาติ ประเมินว่าจะปิดการขายในเร็ววัน