เปิดกลยุทธ์ “พราวกรุ๊ป” ยกระดับหัวหิน สู่จุดหมายโลกที่แตกต่างอย่างยั่งยืน

05 ก.ค. 2567 | 04:09 น.

พราวกรุ๊ป เผยกลยุทธ์ ยกระดับเมืองชายทะเลหัวหินสู่จุดหมายระดับโลก เน้นสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืน เปิดมุมมองธุรกิจท่องเที่ยวไทย ชี้โอกาสหัวเมืองหลักและเมืองรอง เตรียมลงทุนตอนใต้ของหัวหิน รับนโยบายรัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทพราว หรือ พราวกรุ๊ป เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การลงทุนในหัวหินว่า บริษัทได้เล็งเห็นศักยภาพของเมืองชายทะเลแห่งนี้มานานกว่า 15 ปี และได้ทยอยพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อเติมเต็มการท่องเที่ยวในเมืองนี้อย่างต่อเนื่อง

พราวพุธ ลิปตพัลลภ

"เราเริ่มต้นจากการพัฒนาโรงแรม InterContinental Hua Hin Resort เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ด้วยเป้าหมายที่จะเปิดตลาด luxury segment ในหัวหิน ณ เวลานั้น เราเห็นว่าหัวหินยังขาดการท่องเที่ยวระดับหรูหรา และนี่คือช่องว่างที่เราต้องการเติมเต็ม"

หลังจากความสำเร็จของโรงแรมแห่งแรก กลุ่มบริษัทพราวได้ขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาสวนนํ้าวานานาวา หัวหิน และ อารีน่า หัวหิน ศูนย์กลางของการออกกำลังกายที่สมบูรณ์ที่สุด ปักเมืองหัวหินให้กลายเป็น International Sport Destination ของไทยเพื่อเพิ่ม man-made attractions ให้กับเมือง โดยมองว่าเมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ในประเทศไทย เช่น ภูเก็ตหรือพัทยา หัวหินยังขาดแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยู่นานขึ้นและกลับมาเที่ยวซํ้า จึงเกิดเป็นสวนนํ้าวานานาวาที่นับว่าเป็นสวนนํ้าระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย และ อารีนา หัวหิน ที่เติมเต็มความเป็นเมืองท่องเที่ยวของเมืองหัวหิน ซึ่งนอกจากจะได้ไปพักผ่อน ยังมีโอกาสได้ออกกำลังกาย และอารีนา หัวหิน ยังเป็นสถานที่ที่ใช้การจัดงาน งานแข่งระดับโลกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น การแข่งขันเทนนิสหญิงโลก World Tennis : WTA (Thailand Open) ที่มีการจัดต่อเนื่องในทุกๆ ปี การเก็บตัวของทีมฟุตบอลระดับนานาชาติและ Thai League

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทพราวมีโครงการหลักในหัวหิน 4 แห่ง ได้แก่ InterContinental Hua Hin Resort, Holiday Inn Vananava Hua Hin Resort,  สวนนํ้า Vananava และ Arena Hua Hin โดยตั้งเป้าหมายรายได้ธุรกิจในหัวหินไว้ที่ 1,000 ล้านบาท 

“เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาหัวหินอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืน” 

นางสาวพราวพุธ ระบุว่า กลยุทธ์สำคัญของกลุ่มบริษัทพราวที่ทำให้แตกต่างจากบริษัทอื่น คือการผสมผสานเอกลักษณ์ของหัวหินเข้ากับความทันสมัย โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ตีความสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลในแบบของเราเอง เพื่อสร้างความคลาสสิคที่แตกต่างเราสอดแทรกเรื่องราวของเมืองหัวหินในทุกจุดสัมผัสของลูกค้า เช่น การนำรถไฟจำลองมาไว้ในโรงแรม InterContinental Hua Hin Resort เพื่อบอกเล่าประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวของเมืองที่เริ่มต้นจากการเดินทางทางรถไฟ
นอกจากการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับนักท่องเที่ยว กลุ่มบริษัทพราวยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย ด้วยแนวคิด 3Win คือ ต้องเป็นประโยชน์ทั้งต่อองค์กร ลูกค้า และชุมชน โดยในด้านการสร้างประโยชน์ต่อองค์กร นอกจากผลกำไรแล้ว กลุ่มบริษัทพราวยังให้ความสำคัญกับคนในท้องถิ่นซึ่งมีการสร้างงานให้กว่า 600 อัตรา โดยปัจจุบัน 50-60% ของบุคลากรเป็นคนในพื้นที่ และมุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้และทักษะใหม่ๆ โดยเฉพาะในธุรกิจที่ยังไม่เคยมีในหัวหินมาก่อน เช่น สวนนํ้า

“พนักงานของเราได้รับการฝึกอบรมและใบรับรองระดับสากล ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถนำไปต่อยอดในอนาคตได้”

สำหรับกลุ่มลูกค้า กลุ่มบริษัทพราวยังมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและมีคุณภาพ ซึ่งจะเพิ่มทางเลือกและยกระดับไลฟ์สไตล์ให้กับทั้งนักท่องเที่ยวจากนอกพื้นที่และในพื้นที่

ในส่วนของชุมชน กลุ่มบริษัทพราวได้ดำเนินนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นและร่วมพัฒนาสาธารณูปโภคในพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน นอกจากนี้ ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างทางข้ามถนน การปรับปรุงซอย และการวางแผนป้องกันนํ้าท่วม และล่าสุด กลุ่มบริษัทพราวได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาทางเชื่อมจากโรงแรม Holiday Inn Vananava Resort ไปยังเขาตะเกียบ ที่นอกจากจะเป็นประโยชน์สำหรับแขกของโรงแรมแล้ว ยังจัดให้มีทางเดินสาธารณะแยกต่างหาก เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไปสามารถใช้เส้นทางนี้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงความรับผิดชอบของกิจการที่มีต่อชุมชน ทั้งเรื่องขยะ การใช้พลังงานที่สะอาด ที่ล่าสุดเพิ่งมีการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลในทุกๆ กิจการของกลุ่มบริษัทพราว ซึ่งเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทนคือประมาณ 20-40% ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด และยังมีในส่วนของการแยกขยะ การลดการใช้พลาสติก รวมไปถึง Food waste ทั้งในโรงแรมแล้วก็สวนนํ้า ที่มีการจัดการอยู่สองรูปแบบเรียกว่าเป็น Food waste ที่มีคุณภาพดี ในที่นี้ก็คือบุฟเฟ่ต์ไลน์ สำหรับอาหารเช้า อาหารที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นอาหารที่ยังสะอาดอยู่ ได้มีการจับมือกับมูลนิธิในท้องที่จะเอาไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ในพื้นที่ ส่วน Food waste ที่สกปรกแล้ว อาจจะเป็นส่วนที่เหลือจากของลูกค้า ก็จะนำมาทำเป็นปุ๋ย แล้วก็กลับมาปลูกต้นไม้ภายในโครงการ

นางสาวพราวพุธยังกล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงของกลุ่มนักท่องเที่ยวในหัวหิน ว่า จากเดิมที่เคยเป็นกลุ่มผู้เกษียณอายุจากยุโรป ปัจจุบันได้เห็นนักท่องเที่ยวที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งกลุ่มครอบครัว คู่รัก และนักท่องเที่ยวอายุน้อยจากเอเชีย โดยเฉพาะจากจีนและไต้หวัน เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ กลุ่มบริษัทพราวจึงได้ปรับกลยุทธ์การให้บริการ โดยเพิ่มกิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัว ปรับปรุงห้องพักให้รองรับการพักเป็นกลุ่ม และเน้นการนำเสนอประสบการณ์ท้องถิ่นที่แท้จริง (authenticity) มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ต้องการสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ โดยติดตามแผนพัฒนาของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นโครงการไทยแลนด์ริเวียร่า หรือการพัฒนาระบบคมนาคม เช่น รถไฟรางคู่และการขยายถนน ที่จะเป็นทางเลือกในการคมนาคมใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว เป็นประสบการณ์ที่จะได้เห็น บริเวณจังหวัดต่างๆ ทางผ่านจากกรุงเทพไปถึงหัวหิน ไม่ว่าจะเป็นนครปฐม ราชบุรีเอง ซึ่งสถานีรถไฟไทย จะมีลักษณะเฉพาะตัว ที่ทุกๆ สถานีก็จะมีคนขายของ OTOP ท้องถิ่นนั้นระหว่างทาง

สำหรับแผนการลงทุนในอนาคต พราวกรุ๊ป จะขยายการพัฒนาไปทางตอนใต้ของหัวหิน เพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวทางรถไฟ โดยมองว่านโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟของภาครัฐจะช่วยขยายพื้นที่ท่องเที่ยวของหัวหินให้กว้างขึ้น จึงพร้อมที่จะพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตนี้

นางสาวพราวพุธ ยังกล่าวถึงมุมมองที่มีต่อธุรกิจท่องเที่ยวในไทยว่า ปัจจุบัน การท่องเที่ยวในประเทศไทยมองได้สองแบบคือ หนึ่งการยึดหัวเมืองหลักๆของประเทศไทย หัวหินคือหนึ่งในนั้นแต่นอกเหนือจากหัวหินเอง ทุกวันนี้กลุ่มบริษัทพราวยังมีการลงทุนที่ภูเก็ต ซึ่งการลงทุนในหัวเมืองต้องหาวิธีการเจาะกลุ่มตลาด ที่เรียกได้ว่าอาจอยู่ท่ามกลางความแข่งขันที่ค่อนข้างสูงการสร้างความแตกต่าง หรือการสร้างจุดขายที่ค่อนข้างชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในอีกมุมนึงก็คือเป็นเรื่องของการเปิดตลาดใหม่ๆ ทุกวันนี้ ภาครัฐเองก็มีการสนับสนุนในส่วนของการท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว มันจะมี destination ใหม่ๆ เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกมาก หากมองอย่างภูเก็ต หรือหัวหินเองก็ตามในอดีตตัวเลขนักท่องเที่ยวไม่ได้เยอะมาก ผ่านมา ณ วันนี้ โตขึ้นมาหลายเท่า สิ่งหนึ่งที่หลาย destination ใหม่ๆ ต้องการคือคนที่เริ่มต้นเข้าไปลงทุน สร้างโครงการที่มีชื่อเสียง และโครงการเหล่านั้นในทางกลับกันก็คือจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวไปสู่ destination เหล่านั้นได้ ก็ถือเป็นโอกาสของหลายๆ พื้นที่

“ด้วยกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกภาคส่วน จะช่วยยกระดับหัวหินให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่นักท่องเที่ยวต้องการมาเยือนซํ้าแล้วซํ้าอีก” นางสาวพราวพุธกล่าวทิ้งท้าย