ส่องดีลใหม่ อสังหาฯ รายใหญ่ แห่ขายบิ๊กล็อต

26 ก.ค. 2567 | 08:21 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ค. 2567 | 09:04 น.

ส่องดีลใหม่ ดีเวลล็อปเปอร์ อสังหาฯ รายใหญ่ แห่ขายบิ๊กล็อต ทางเลือกใหม่ระบายสต๊อก หลังกำลังซื้อหดจากหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง โดย ‘ออริจิ้น’ รายล่าสุด ปล่อยรวดเดียวมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทสามารถปิดดีลขายคอนโดมิเนียมโซน BTS สายสีเขียวฝั่งสมุทรปราการ แบบบิ๊กล็อต จำนวน 2 โครงการ 415 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 1,023 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA โดยโครงการที่ขายบิ๊กล็อตในครั้งนี้ ประกอบด้วย 

  1. ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ (Knightsbridge Sukhumvit-Thepharak) โครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ พร้อมอยู่ จำนวน 137 ยูนิต มูลค่ารวม 368 ล้านบาท
  2. ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สายลวด สเตชั่น (Origin Plug & Play Sailuat Station) โครงการคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้แห่งเดียวในสมุทรปราการ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันห้องเพดานสูง จำนวน 278 ยูนิต มูลค่า 655 ล้านบาท

  ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สายลวด สเตชั่น (Origin Plug & Play Sailuat Station)

“นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการเดินหน้าธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่ได้จำกัดแค่การขายคอนโดให้แก่ผู้อยู่อาศัยทั่วไป แต่มองตลาดกว้างขึ้น ด้วยการขายให้บริษัทที่มีความมั่นคง มีฐานการผลิตในประเทศไทย และต้องการที่อยู่อาศัยให้พนักงานจำนวนมาก”

ทั้งนี้ รายการขายบิ๊กล็อตให้กับกลุ่มเดลต้าในครั้งนี้ บริษัทได้รับเงินมาแล้วกว่า 80% แบ่งเป็น ยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการพร้อมอยู่ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ และเงินรับล่วงหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สายลวด สเตชั่น ก่อนที่โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/2568 เพื่อเป็นสวัสดิการให้กลุ่ม Expat ของ DELTA ที่เข้ามาประจำการทำงานระยะสั้น-กลางในไทย 

ขายบิ๊กล็อต ทางรอดใหม่ผู้พัฒนาอสังหาฯ

สำหรับการขายบิ๊กล็อต กำลังเป็นโมเดลที่ดีเวลล็อปเปอร์อสังหาฯหลายรายกำลังให้ความสนใจ หลังกำลังซื้อในตลาดซบเซาจากหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงในช่วงนี้ โดยนายพีระพงศ์ ระบุว่า โมเดลนี้ช่วยสร้างทั้งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บริษัทได้อย่างรวดเร็ว เช่น ยอดขายบิ๊กล็อตของโครงการออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สายลวด สเตชั่น คิดเป็นสัดส่วนกว่า 25% ของโครงการ ส่งผลดีต่อการบริหารจัดการสภาพคล่อง ช่วยให้รอบของการใช้เงินทุนสั้นลง
 
นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาสินค้าฟังก์ชันใหม่ เช่น ห้องเพดานสูง 4.2 เมตร ตอบโจทย์ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวภายใต้ Origin Investment Property Program และกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ส่วนการเปิดตลาดกลุ่มลูกค้าแบบ B2B แบบบิ๊กล็อต ก็เป็นอีกหนึ่งโมเดลที่ดำเนินการอยู่
  ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ (Knightsbridge Sukhumvit-Thepharak)
 
โครงสร้างธุรกิจออริจิ้น ‘พร็อพเพอร์ตี้’

1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) 

  • คอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร 158 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 1/2567) มูลค่ากว่า 247,795 ล้านบาท

2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business)

  • โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 

3.ธุรกิจบริการ (Service Business)

  • ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน 
  • ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ 
  • ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ 
  • ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์

4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) 

  • กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ

ดีเวลล็อปเปอร์หลายรายเร่งปิดดีลบิ๊กล็อต

การระบายสต็อกที่อยู่อาศัยเหลือขายในมือของผู้ประกอบการแบบบิ๊กล็อต กำลังเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ผู้ประกอบการเร่งทำในช่วงนี้ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมที่มีผู้ประกอบการหลายรายพยายามหาช่องในการระบายสต็อกกันมากที่สุด ซึ่งในปีนี้มีข่าวการปิดดีลการขายคอนโดแบบบิ๊กล้อตหรือขายพร้อมกันครั้งละมากๆ ให้กับผู้ซื้อรายเดียวอยู่หลายดีล

ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ก็ยอมรับว่าเคยมีการเจรจาขายคอนโดมิเนียมพร้อมผู้เช่ากว่า 40% ในโครงการของบริษัทให้กับบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าออกมา

โดยก่อนหน้านี้ นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LPN เคยกล่าวถึงแนวทางการบริหารบริษัทภายหลังจากการเข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ว่า บริษัทฯ มีแนวทางในการสร้างความสมดุลใน 3 มิติ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจไปพร้อมๆ กันในทุกมิติ (Stronger Together) ได้แก่ 1. Rebalance Portfolio 2. Rebalance Resource และ 3. Rebalance Stakeholders’ Wealth เอาไว้ด้วย

ขณะที่บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นท์ จำกัด หรือ MQDC มีการขายที่อยู่อาศัยในสต๊อกให้กับบริษัทนายหน้าจำนวน 2 ดีล โดยบริษัท ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด จองคอนโดมิเนียม 100 ห้องในโครงการวิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน ของ MQDC มูลค่ารวมประมาณ 1,700 ล้านบาทเพื่อนำไปขายให้กับผู้ซื้อชาวต่างชาติ

นอกจากนี้ยังพบการขายบิ๊กล้อตมูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาทในโครงการเดอะ วิสซ์ดอม ฟอเรสเทียส์ มายโทเปีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายในโครงการเดอะฟอเรสเทียส์ ให้กับบริษัท ซูเปอร์ สยาม เรียลตี้ จำกัด