“นิปปอนเพนต์”จากคอนเซอร์เวทีฟ ทรานฟอร์มสู่แบรนด์ ไดนามิกสูง

16 มี.ค. 2568 | 23:49 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2568 | 00:00 น.

“นิปปอนเพนต์”จากแบรนด์ คอนเซอร์เวทีฟ ทรานฟอร์มสู่แบรนด์ ไดนามิกสูง พร้อมลุย ตลาดสีอาคารเอกชน-งานรัฐ ตั้งเป้าเบอร์1 ในไทยปี69

 

ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศโตตํ่า มีผลกระทบต่อการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังซื้อหดตัวรุนแรง มีผลพวงมาจากการเข้าไม่ถึงสินเชื่อ การมีหนี้ครัวเรือนที่สูง ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมียอดขายที่ลดลง และต้องปรับตัว

“นิปปอนเพนต์” (Nippon Paint)  แบรนด์สีจากประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งนวัตกรรมและการให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

วัชระ ศิริฤทธิชัย

ในมุมมองของ นายวัชระ ศิริฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสีนิปปอนเพนต์ในประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตสีรายใหญ่อันดับ 1 ของเอเชีย จากประเทศญี่ปุ่นสะท้อนภาพรวมของตลาดสีปีที่ผ่านมา หดตัวอยู่ที่ประมาณ 7-8% ในตลาดสีอาคารโดยนิปปอนเพนต์ ในประเทศไทย ยอดขายรวมอยู่ที่1หมื่นล้านบาทซึ่งแบรนด์ นิปปอนเพนต์เป็นสีเบอร์2ในประเทศไทยหากจำแนก ผลประกอบการ จำนวน 1หมื่นล้านบาท ต้องยอมรับว่า สัดส่วนอาคารจะเล็กกว่าสีรถยนต์ สัดส่วนสีรถยนต์กว่า 60% อันดับ 2 สีอาคารอันดับ 3 สีเคลือบรถยนต์ซึ่งจะมีสีอุตสาหกรรมรวมอยู่

ปีที่ผ่านมาสีรถยนต์ถูกกระทบจากรถยนต์อีวี และดีมานด์การใช้รถยนต์ ลดลงหลักๆคือการปล่อยสินเชื่อ เป็นปัญหาเดียวกันกับสีอาคารการปล่อยสินเชื่ออาคารลดลงอย่างมาก ทำให้อัตราการซื้อบ้านใหม่ต่อเนื่องมาจนถึงการสร้างบ้านใหม่ลดลงอย่างมาก

ส่งผลให้ตลาดสีในภาพรวมลดลง ซึ่งถ้าแบ่งเป็นสีในงานโครงการพบว่าลดลงกว่า 20%ขณะที่ยอดขายในช่องทางค้าปลีกซึ่งแบ่งเป็นร้านค้าแบบดั้งเดิม พบว่าลดลง 8-10% ขณะที่ยอดขายผ่านโมเดิร์นเทรดปรับขึ้นได้ประมาณ 2% โดยได้อานิสงส์ จากศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ที่เปิดใหม่มาช่วย       

ขณะนิปปอนเพนต์ เติบโต 10%   จากเป้าที่วางไว้ที่ 25% ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยในทางกลับกันหากเทียบสัดส่วนตลาดรวมแล้ว ลบ 7-8% ในขณะที่นิปปอนเพนต์ บวก 10% มองว่ายังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้า 20% แต่ช่วงเดือนมกราคม ยอมรับว่ายังไปไม่ถึงเป้า

ส่วนเวลาที่เหลือต้องพิจารณาต่อไป ขณะที่อาคารสร้างใหม่  แนวราบ-แนวสูงยังอยู่ในสัดส่วนที่ตํ่าดีเวลลอปเปอร์ ต่างชะลอการเปิดตัวโครงการเนื่องจากกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท ไม่มีใครสร้างเพิ่ม

เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อดังนั้นดีเวลลอปเปอร์หนีไปพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ ที่ราคา 30-50 ล้านบาทขึ้นไปบริษัทจึงขยับเจาะกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมากขึ้น แต่ทั้งนี้กลุ่มไฮเอนด์ ซัพพลายเริ่มล้นตลาด

 ส่วน พื้นที่ที่เติบโตมีเพียงจังหวัดภูเก็ต และ จังหวัดในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออกหรือEEC มีการสร้างโครงการใหม่เกิดขึ้น  นอกนั้นเศรษฐกิจก่อสร้างดูไม่สดใสโดยภาพรวมปีนี้มีแนวโน้มทรงตัวหรืออาจแย่กว่าปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามนิปปอนเพนต์มีกลยุทธ์เปิดตัวสีอาคาร เจาะเซกเมนต์ ย่อยตั้งแต่อาคารที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย แนวราบ-แนวสูง  อาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน และงานภาครัฐ

นายวัชระ อธิบายต่อว่า นิปปอนเพนต์อยู่ในธุรกิจสี ในเอเชียแปซิฟิก 8 ปีติดต่อกัน เป็นเบอร์1ในเอเชีย และแบรนด์เบอร์ 1 ในประเทศจีน ยกเว้นในเมืองไทยที่มีเป้าหมายก้าวสู่เบอร์ 1 ภายในปี 2569 ที่จะทำอย่างไร ให้สีนิปปอนเพนต์ ได้เข้าถึงผู้บริโภค หรือผู้บริโภคมีความเข้าใจเกี่ยวกับสีนิปปอนเพนต์มากขึ้น

โดยอุปมาอุปไมย การใช้สีอาคารเหมือนการใช้เครื่องสำอางที่ผิวค่อนข้างแตกต่างกัน เช่นเดียวกับสภาพของอาคาร หากก่อสร้างตามมาตรฐานวัสดุที่ดี  ไม่จำเป็นต้องใช้ วัสดุเคลือบผิว และหากใช้สีเกรดที่ดีจะอยู่ได้นาน 2-3ปี โดยไม่มีต้นทุนค่าแรงที่สูง

              “นิปปอนเพนต์ มีแผนทรานฟอร์มจากแบรนด์เก่าแก่ หรือคอนเซอร์เวทีฟ ค่อยๆเปลี่ยน ปัจจุบันเป็นแบรนด์ที่มีไดนามิกค่อนข้างสูง นวัตกรรมปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาเข้าถึงเข้าใจความต้องการมองการแก้ปัญหา Pain Point  ผู้บริโภค ให้ความสำคัญกับมีส่วนร่วมกับสังคมและผู้บริโภคอย่างจริงจัง จริงใจรวมถึงผู้ค้า และการพัฒนานวัตกรรมสีอาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน ESG มีเป้าหมายต้องการให้กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใหญ่ เป็นเมืองที่สวยงามคาร์บอนตํ่าจากการใช้สี”

              นี่คือก้าวสำคัญของ“นิปปอนเพนต์”

 

หน้า20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,078 วันที่ 13 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2568