ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศโตตํ่า มีผลกระทบต่อการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังซื้อหดตัวรุนแรง มีผลพวงมาจากการเข้าไม่ถึงสินเชื่อ การมีหนี้ครัวเรือนที่สูง ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมียอดขายที่ลดลง และต้องปรับตัว
“นิปปอนเพนต์” (Nippon Paint) แบรนด์สีจากประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งนวัตกรรมและการให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
ในมุมมองของ นายวัชระ ศิริฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสีนิปปอนเพนต์ในประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตสีรายใหญ่อันดับ 1 ของเอเชีย จากประเทศญี่ปุ่นสะท้อนภาพรวมของตลาดสีปีที่ผ่านมา หดตัวอยู่ที่ประมาณ 7-8% ในตลาดสีอาคารโดยนิปปอนเพนต์ ในประเทศไทย ยอดขายรวมอยู่ที่1หมื่นล้านบาทซึ่งแบรนด์ นิปปอนเพนต์เป็นสีเบอร์2ในประเทศไทยหากจำแนก ผลประกอบการ จำนวน 1หมื่นล้านบาท ต้องยอมรับว่า สัดส่วนอาคารจะเล็กกว่าสีรถยนต์ สัดส่วนสีรถยนต์กว่า 60% อันดับ 2 สีอาคารอันดับ 3 สีเคลือบรถยนต์ซึ่งจะมีสีอุตสาหกรรมรวมอยู่
ปีที่ผ่านมาสีรถยนต์ถูกกระทบจากรถยนต์อีวี และดีมานด์การใช้รถยนต์ ลดลงหลักๆคือการปล่อยสินเชื่อ เป็นปัญหาเดียวกันกับสีอาคารการปล่อยสินเชื่ออาคารลดลงอย่างมาก ทำให้อัตราการซื้อบ้านใหม่ต่อเนื่องมาจนถึงการสร้างบ้านใหม่ลดลงอย่างมาก
ส่งผลให้ตลาดสีในภาพรวมลดลง ซึ่งถ้าแบ่งเป็นสีในงานโครงการพบว่าลดลงกว่า 20%ขณะที่ยอดขายในช่องทางค้าปลีกซึ่งแบ่งเป็นร้านค้าแบบดั้งเดิม พบว่าลดลง 8-10% ขณะที่ยอดขายผ่านโมเดิร์นเทรดปรับขึ้นได้ประมาณ 2% โดยได้อานิสงส์ จากศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ที่เปิดใหม่มาช่วย
ขณะนิปปอนเพนต์ เติบโต 10% จากเป้าที่วางไว้ที่ 25% ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยในทางกลับกันหากเทียบสัดส่วนตลาดรวมแล้ว ลบ 7-8% ในขณะที่นิปปอนเพนต์ บวก 10% มองว่ายังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้า 20% แต่ช่วงเดือนมกราคม ยอมรับว่ายังไปไม่ถึงเป้า
ส่วนเวลาที่เหลือต้องพิจารณาต่อไป ขณะที่อาคารสร้างใหม่ แนวราบ-แนวสูงยังอยู่ในสัดส่วนที่ตํ่าดีเวลลอปเปอร์ ต่างชะลอการเปิดตัวโครงการเนื่องจากกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท ไม่มีใครสร้างเพิ่ม
เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อดังนั้นดีเวลลอปเปอร์หนีไปพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ ที่ราคา 30-50 ล้านบาทขึ้นไปบริษัทจึงขยับเจาะกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมากขึ้น แต่ทั้งนี้กลุ่มไฮเอนด์ ซัพพลายเริ่มล้นตลาด
ส่วน พื้นที่ที่เติบโตมีเพียงจังหวัดภูเก็ต และ จังหวัดในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออกหรือEEC มีการสร้างโครงการใหม่เกิดขึ้น นอกนั้นเศรษฐกิจก่อสร้างดูไม่สดใสโดยภาพรวมปีนี้มีแนวโน้มทรงตัวหรืออาจแย่กว่าปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามนิปปอนเพนต์มีกลยุทธ์เปิดตัวสีอาคาร เจาะเซกเมนต์ ย่อยตั้งแต่อาคารที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย แนวราบ-แนวสูง อาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน และงานภาครัฐ
นายวัชระ อธิบายต่อว่า นิปปอนเพนต์อยู่ในธุรกิจสี ในเอเชียแปซิฟิก 8 ปีติดต่อกัน เป็นเบอร์1ในเอเชีย และแบรนด์เบอร์ 1 ในประเทศจีน ยกเว้นในเมืองไทยที่มีเป้าหมายก้าวสู่เบอร์ 1 ภายในปี 2569 ที่จะทำอย่างไร ให้สีนิปปอนเพนต์ ได้เข้าถึงผู้บริโภค หรือผู้บริโภคมีความเข้าใจเกี่ยวกับสีนิปปอนเพนต์มากขึ้น
โดยอุปมาอุปไมย การใช้สีอาคารเหมือนการใช้เครื่องสำอางที่ผิวค่อนข้างแตกต่างกัน เช่นเดียวกับสภาพของอาคาร หากก่อสร้างตามมาตรฐานวัสดุที่ดี ไม่จำเป็นต้องใช้ วัสดุเคลือบผิว และหากใช้สีเกรดที่ดีจะอยู่ได้นาน 2-3ปี โดยไม่มีต้นทุนค่าแรงที่สูง
“นิปปอนเพนต์ มีแผนทรานฟอร์มจากแบรนด์เก่าแก่ หรือคอนเซอร์เวทีฟ ค่อยๆเปลี่ยน ปัจจุบันเป็นแบรนด์ที่มีไดนามิกค่อนข้างสูง นวัตกรรมปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาเข้าถึงเข้าใจความต้องการมองการแก้ปัญหา Pain Point ผู้บริโภค ให้ความสำคัญกับมีส่วนร่วมกับสังคมและผู้บริโภคอย่างจริงจัง จริงใจรวมถึงผู้ค้า และการพัฒนานวัตกรรมสีอาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน ESG มีเป้าหมายต้องการให้กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใหญ่ เป็นเมืองที่สวยงามคาร์บอนตํ่าจากการใช้สี”
นี่คือก้าวสำคัญของ“นิปปอนเพนต์”
หน้า20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,078 วันที่ 13 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2568