“แผ่นดินไหว”เขย่าอสังหาฯเชียงใหม่แห่ทิ้งคอนโด-ซบบ้านแนวราบ

03 เม.ย. 2568 | 23:07 น.
อัปเดตล่าสุด :03 เม.ย. 2568 | 23:20 น.

"บุญชู กมุทมาโนชญ์" ประธานอาวุโสสมาพันธ์ SME ไทยภาคเหนือ ชี้“แผ่นดินไหว”เขย่าอสังหาฯเชียงใหม่ ที่ดินทำเลทองราคาร่วง30-40% แห่ทิ้งคอนโด-ซบบ้านแนวราบ

 

เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.2 โดยมีศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมา แรงสั่นสะเทือนกระทบถึงประเทศไทยหลายพื้นที่ หลายจังหวัด ไม่เพียงสะท้อนเสี้ยววินาทีแห่งความตาย แต่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับใครอีกหลายๆคนที่อาศัยอยู่ตามอาคารสูงหรือคอนโดมิเนียม

บุญชู กมุทมาโนชญ์

เพราะหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้หลายระดับ จนถึงวันนี้บางพื้นที่ยังไม่สามารถกลับไปพักอาศัยได้เหมือนเดิม หรือบางโครงการเข้าไปพักได้แล้วแต่กลับสร้างบรรยากาศหวาดผวา ไม่มีความสุขเหมือนเดิม

 เช่นเดียวกับที่จังหวัดเชียงใหม่ถือว่าได้รับผลกระทบหนักสุดของพื้นที่ภาคเหนือ ล่าสุด นายบุญชู กมุทมาโนชญ์ ประธานอาวุโสสมาพันธ์ SME ไทยภาคเหนือ และประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพะเยา ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” โดยโฟกัสไปยังผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ราคาที่ดินและคอนโดฯมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งอย่างไร และมุมมองจากผลกระทบครั้งนี้กำลังจะเปลี่ยนพฤติกรรมของคนที่ชอบอยู่คอนโดมิเนียมหันไปมองหาที่พักอาศัยแนวราบมากขึ้นจริงหรือไม่น่าสนใจ

             

ราคาที่ดินทำเลทองเชียงใหม่ร่วง30-40%

 นายบุญชู เปิดเผยถึงปฎิกิริยาหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวพบว่า จังหวัด เชียงใหม่เมืองเอกของภาคเหนือได้รับผลกระทบมากสุดและได้รับผลกระทบซํ้าซ้อนต่อเนื่องมาตั้งแต่ภัยนํ้าท่วม มายังฝุ่น PM2.5 และล่าสุดแผ่นดินไหว ส่งผลกระทบชัดเจนต่อเนื่องมา โดยเฉพาะในพื้นที่ยอดนิยม 2 ทำเลทองในจังหวัดเชียงใหม่คือ 1.ที่ดินในพื้นที่ เลียบทางรถไฟเชียงใหม่ 2.ที่ดินริมแม่นํ้าปิง 

   “กระทบตอนนํ้าท่วมก็ว่าเยอะอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งซํ้าหนักไปอีกเดิมราคาที่ดินริมแม่นํ้าปิงราคาราว 20 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนที่ดินเลียบทางรถไปราคาประมาณ 10 ล้านบาทต่อไร่ ล่าสุดราคาร่วงลงไปแล้ว 30-40%”

5 อาคารระส่ำห้ามเข้าพักทุบราคาร่วง

นอกจากนี้ที่น่าจับตาในขณะนี้คือมีคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยจำนวน  5โครงการ ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมี เจ้าของคนละค่ายตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจ ที่ก่อนหน้านั้นมีชาวรัสเซีย ยุโรป จีน เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว มาพักเช่าคอนโดฯ ระยะยาวและบางรายซื้อโดยผ่าน

นอมินี อย่างคึกคักก็เริ่มไม่เข้ามาพักนับตั้งแต่มีฝุ่น PM2.5 พอมาซํ้าเติมด้วยแผ่นดินไหวอาคารทั้ง 5 โครงการต้องเข้าสู่กระบวนการดูแลความเรียบร้อย หลังพบว่ามีรอยร้าวจึงประกาศห้ามประชาชนหรือเจ้าของห้องเข้าอาคาร ในเบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และทีมวิศวกรตรวจพื้นที่ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้จนกว่าด้านวิศกรรมจะมีการคำนวนประเมินความเสียหาทั้งหมดออกมา

"ทั้ง 5 โครงการไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้เนื่องจาก ยังขายพื้นที่ไม่หมด  ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการซื้อคอนโดฯ ด้วยจุดประสงค์หลายแบบมีทั้งซื้อเพื่อเก็งกำไร ซื้อเพื่อให้เช่าและซื้อเพื่อ อยู่อาศัยโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเปิดพักยาวๆ เป็นเดือน”

 นายบุญชูกล่าวอีกว่าล่าสุดมีลูกค้าใน 5 โครงการดังกล่าว  เข้ามาขอคืนห้องไม่ต่ำกว่า 50% หลังจากที่ไม่มั่นใจด้านความปลอดภัย ผลกระทบครั้งนี้ทำให้ภาพรวมคอนโด มิเนียมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ราคาร่วงทันที โดยสังเกตว่าบางแห่งประกาศขายแบบลดราคาลง 50% ก็ยังไม่มีคนสนใจ  บางโครงการราคา 3.9-5.9 ล้านบาทต่อยูนิต มีคนอยากขายทิ้งโดยลดราคาลงมาเหลือ 2 ล้านก็ยังไม่มีใครซื้อ

จับตาบ้านแนวราบกลับมาบูม

ขณะเดียวกันจากที่ได้สอบถามนายหน้าที่ติดต่อเรื่องการซื้อ-ขายที่ดินก็พบว่าบ้านอยู่อาศัยแนวราบจะกลับมาบูมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งรวมถึงที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ในทำเลห่างจากตัวเมืองออกมาด้วย  โดยได้รับข้อมูลว่าบางพื้นที่เคยขายที่ดินต่อไร่ 1 ล้านบาทก็เริ่มขยับเป็น1.2 ล้านบาทต่อไร่แล้ว ทำให้เห็นพฤติกรรมคนซื้ออสังหาฯเปลี่ยนแปลงชัดเจน

ในวิกฤตยังมีโอกาส

นอกจากนี้บรรดานายหน้าที่ขายที่ดินพร้อมบ้านและกลุ่มผู้ประกอบการยังมองตรงกันอีกว่าหลังคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว  คนกำลังหันไปนิยมบ้านอยู่อาศัยแนวราบที่อยู่ห่างเมืองเชียงใหม่ออกไปมากขึ้น จากเดิมที่ได้รับความสนใจน้อยมาก ขณะนี้ก็เริ่มมองเห็นกำลังซื้อเริ่มออกมาห่างเมือง

โดยสนใจเป็นบ้านแนวราบเกือบทั้งหมด ทำให้ล่าสุดราคาเริ่มขยับได้ บางโครงการจากที่เคยขายราคาปกติ 2-2.5 ล้านบาทต่อหลัง  ก็เริ่มขยับขึ้นมาเป็น 3 ล้านบาท หรือราคาเริ่มปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 10%เริ่มมองเห็นสัญญาณดี และมั่นใจว่าไม่เกินกลางปีนี้ราคาน่าจะขยับต่อเนื่องไปอีก ก็ยังถือว่าในยามวิกฤตก็ยังมีโอกาสดีๆเข้ามา

นายบุญชูกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ปัจจุบันเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่มีสต๊อกที่อยู่อาศัยเหลืออยู่จำนวนมาก จากที่สำรวจตลาดพบว่าบ้านแนวราบ คอนโดมิเนียมซึ่งรวมถึงอาคารพาณิชย์ที่สร้างเสร็จแล้วแต่ยังขายไม่หมดรวมกันราว 10,000 ยูนิต 

ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนของคอนโดมิเนียม 30%  หรือราว3,000 ยูนิต  และที่อยู่อาศัยแนวราบ70%  หรือ7,000หลัง ซึ่งคาดการณ์ว่าภายในปีนี้สัดส่วนบ้านแนวราบจะกลับมาขายดีกว่าคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะบ้านที่ใช้วัสดุป้องกันแผ่นดินไหวหรือบ้านที่มีนวัตกรรมที่ทันสมัยปลอดภัยมากขึ้น 

“ขณะนี้กลุ่มทุนในพื้นที่ ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการเยียวยา ให้ธนาคารรัฐ-พาณิชย์อนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำออกมาช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยด่วน เป็นการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นครั้งนี้”

 

หน้า 20  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,085 วันที่ 6 - 9 เมษายน พ.ศ. 2568