thansettakij
เปิด 11 กลุ่มธุรกิจยั่งยืน โอกาสสร้างรายได้สูงกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ฯต่อปี
sustainable

เปิด 11 กลุ่มธุรกิจยั่งยืน โอกาสสร้างรายได้สูงกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ฯต่อปี

    กสิกรไทย เผย 11 กลุ่มธุรกิจ โอกาสสร้างรายได้โตกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี แนะใครขยับก่อนได้เปรียบ ด้าน "ดร.ประสาร" ย้ำ Sustainability คือ “License to Grow” ใบอนุญาตธุรกิจให้มีสิทธิเติบโตในระยะยาว

จากเวทีงานสัมมนา “EARTH JUMP 2023 : New Frontier of Growth”  ของธนาคารกสิกรไทย นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากรายงานของ McKinsey พบว่ามีกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน จำนวน 11 กลุ่ม เช่น ธุรกิจขนส่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจเกษตร และธุรกิจน้ำมันและก๊าซ สามารถสร้างรายได้รวมกันมากกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี ภายในปี 2030 เพื่อเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจของทั้งโลกไปสู่ Net Zero

เปิด 11 กลุ่มธุรกิจยั่งยืน โอกาสสร้างรายได้สูงกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ฯต่อปี

ส่วนคนที่คิดว่ายังอีกไกลก็อาจจะเจอความเสี่ยงจากมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่อการค้าระหว่างประเทศที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น CBAM ของสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะกลายเป็นข้อจำกัดในการแข่งขันทางธุรกิจ

ความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะความยั่งยืนไม่ใช่แค่การเปลี่ยน Mindset ในการทำธุรกิจ แต่เปลี่ยนวิถีชีวิตของทุกคน ความยั่งยืนเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่เร่งปรับตัว จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปยอมจ่ายเพื่อสินค้ารักษ์โลก 

เปิด 11 กลุ่มธุรกิจยั่งยืน โอกาสสร้างรายได้สูงกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ฯต่อปี

การพัฒนาธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืนนั้นยังต้องการการสนับสนุนอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องเงินลงทุนจำนวนมหาศาลทั้งจากนักลงทุนทั่วไป Venture Capital ธนาคารและสถาบันการเงิน ที่ในอนาคตจะเข้ามามีส่วนช่วยเหลือให้ธุรกิจสีเขียวเหล่านี้เติบโตได้เต็มศักยภาพ ทั้งนี้การแก้ปัญหาเรื่องความยั่งยืนไม่ใช่งานของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความร่วมมือกันทั้งภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล นักลงทุน ภาคธุรกิจ ผู้บริโภค และสถาบันการเงิน ทุกฝ่ายล้วนมีส่วนสำคัญในการช่วยให้โลกใบนี้เปลี่ยนผ่านไปได้ การจัดงานในวันนี้จึงอยากเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนมาร่วมกันลงมือทำอย่างจริงจัง หากเราทำสำเร็จเราจะพบดินแดนใหม่ที่สดใสอย่างแน่นอน

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันนี้ Sustainability ถือเป็น “License to Grow” หรือใบอนุญาตสำคัญให้ธุรกิจมีสิทธิเติบโตในระยะยาวอย่างแท้จริง เพราะเป็นการเติบโตที่ทุกคนต้องการและมีคุณภาพมากกว่าเดิม ควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เหลือเพียงทุกภาคส่วนหันหน้ามาผนึกกำลัง ลงมือทำเพื่ออนาคตของลูกหลานไทย

เปิด 11 กลุ่มธุรกิจยั่งยืน โอกาสสร้างรายได้สูงกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ฯต่อปี

ปัจจุบันโลกมีปัญหาที่ท้าทายและอาจฉุดรั้งการพัฒนาในอนาคต แต่ก็เป็นความท้าทายที่เปิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ ธุรกิจที่สามารถปรับตามแนวทางแห่งความยั่งยืนได้ก็จะเพิ่มโอกาสและรายได้ ใครทำได้ก่อนก็รับโอกาสก่อน 

 

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำงานใกล้ชิดกับบริษัทจดทะเบียนรวมถึงสถาบันที่เป็นตัวกลางในการยกระดับความรู้และคุณภาพการดำเนินกิจการ ซึ่งรวมไปถึงคู่ค้าในห่วงโซ่คุณค่า เพื่อให้เท่าทันการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นความสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่สนใจการลงทุน ESG ซึ่งกำลังเติบโตอย่างมาก จึงได้เร่งพัฒนาESG Data Platform เพื่อรวมศูนย์ข้อมูล สร้างความโปร่งใสและสร้างมาตรฐานESG ในการดำเนินกิจการ และเพิ่มโอกาสในการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ดำเนินการด้าน ESG ได้อย่างดี 

เปิด 11 กลุ่มธุรกิจยั่งยืน โอกาสสร้างรายได้สูงกว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ฯต่อปี

ในงานสัมมนายังมีปาฐกถาพิเศษโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่พูดถึงปัญหาของ Climate Change เป็นภัยคุกคามสำคัญทางเศรษฐกิจของโลกในระยะยาว ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก ประเทศไทยมีความเสี่ยงลำดับที่ 9 ของโลกที่เกิดภัยพิบัติธรรมชาติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียและได้รับความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ยกระดับการทำงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สำคัญ ทบทวนแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกรายสาขาที่สอดคล้องกับเป้าหมาย NDC (ปี 2030) ในภาคพลังงานและขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ภาคของเสีย และภาคเกษตร พัฒนากลไกตลาดคาร์บอนเครดิตทั้งในและต่างประเทศ การเพิ่มแหล่งกักเก็บและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน 

 

นอกจากนี้ กระทรวงอยู่ระหว่างผลักดัน (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการยกระดับจาก Voluntary เป็นMandatory เพิ่มเติมบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดราคาคาร์บอน และกลไกตลาดคาร์บอนเครดิต และเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ที่จะไปสู่ Net Zero GHG เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำ ทุกอย่างเป็นจริงได้