นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA SCB Wealth Chief Investment Officer ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Investment Office and Product Function กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า SCB WEALTH มีความพร้อมอย่างมากในการเป็นผู้สนับสนุนการขายกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thailand ESG Fund (THAI ESG)
หลังจากที่ กระทรวงการคลัง อนุมัติการจัดตั้งกองทุน THAI ESG และเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้ หากครม.อนุมติให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จัตตั้งกองทุนดังกล่าว บลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของธนาคาร มีความพร้อมที่จะยื่นขออนุมัติสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจัดตั้งกองทุน THAI ESG ทันที
“ ขณะนี้ กองทุน Thai ESG อยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติจาก ครม. เพื่อจัดตั้ง โดยนักลงทุนสามารถติดตามรายละเอียดเงื่อนไขการลงทุน เงื่อนไขทางภาษีของกองทุน Thai ESG ได้จากกระทรวงการคลังอีกครั้ง ภายหลัง ครม. มีมติอนุมัติการจัดตั้งกองทุนนี้แล้ว”
ปัจจุบันการลงทุนแบบยั่งยืน (Sustainability Investment) ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเริ่มตระหนักว่า บริษัทที่ดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงเรื่อง สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาต่างๆ ที่อาจเข้ามาส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจได้ ทำให้การดำเนินงานมีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืน
และสะท้อนผลบวกเข้าไปยังราคาหุ้นหรือตราสารหนี้ของบริษัทได้ ดังนั้น การเข้าลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญเรื่อง ESG จึงเปรียบเสมือนผู้ลงทุนได้มีส่วนร่วมสร้างผลเชิงบวกต่อโลก ทั้งยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืนในระยะยาว จากการลดความเสี่ยงจากประเด็นเชิงลบที่เกี่ยวข้องกับ ESG ด้วย
“ภาครัฐที่ตระหนักในเรื่องความสำคัญของการลงทุนแบบยั่งยืนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนเพื่อการลดหย่อนภาษีกลุ่มสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ ESG เพิ่มเติมไปจากรูปแบบการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในปัจจุบัน และนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับนักลงทุนที่จะเข้าใจ
และให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนทางสังคมที่ดีในระยะยาวและจุดประกายคนรุ่นใหม่ให้คำนึงถึงการทำธุรกิจหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ประโยชน์กับสังคมอย่างจริงจัง โดยปัจจุบัน ทางภาครัฐอยู่ระหว่างการพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยคาดว่าจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนกลุ่มสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ ESG คิดเป็นส่วนเพิ่มจากค่าลดหย่อนภาษีเดิมที่ได้วงเงิน 500,000 บาท” นายศรชัย กล่าว
ทั้งนี้ หากพิจารณาวงเงินส่วนนอกเหนือไปจากส่วนของ 500,000 บาทนี้ ทำให้นึกถึงเงินลงทุนลดหย่อนภาษีจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ในอดีต ซึ่งกองทุนนี้กำลังทยอยครบกำหนดช่วงระยะเวลาการถือครองตามกฎหมายแล้ว จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะสามารถนำเงินทุนก้อนนี้ กลับมาลงทุนในกลุ่ม THAI ESG ได้
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกแนะนำผ่านกองทุนของ บลจ.ไทยพาณิชย์ที่ออกตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่ทางการกำหนด โดยคาดว่าจะออกมานำเสนอในช่วงต้นเดือนธันวาคม และ ธนาคารฯ มีความพร้อมที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้กับนักลงทุนทั่วไป จึงขอให้ติดตามข่าวสารดังกล่าว
ธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้งกลุ่มบริษัทในเครือ เอสซีบี เอกซ์ จำกัด(มหาชน) หรือ SCBX ต่างยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประเด็น ESG เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน โดยธนาคารได้ร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์ “การธนาคารที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Banking” ตั้งแต่ปี 2562 ที่จัดขึ้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์ไทยดำเนินกิจการโดยคำนึงถึง ESG
การดำเนินการที่ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืน ทำให้ ธนาคารได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ที่สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ตั้งแต่ปี 2561-2564 และจากนั้นในปี 2565 SCBX ก็ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนี DJSI ในกลุ่ม World Index และกลุ่ม Emerging Markets Index จึงถือเป็นการได้รับคัดเลือกของกลุ่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดย SCBX ยังได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ Top 5% S&P Global ESG Score ของอุตสาหกรรมธนาคารทั่วโลกในรายงาน The Sustainability Yearbook 2023 ด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารได้รับการประเมินจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้อยู่ในกลุ่มรายชื่อหุ้นยั่งยืน นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยล่าสุดปี 2566 SCBX อยู่ในกลุ่มรายชื่อหุ้นยั่งยืน ที่ได้ SET ESG Rating จาก ตลท. ในระดับ AA