"ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5” ต่อสุขภาพของประชาชนคนไทย ถูกบันทึกสถิติอยู่ในระบบข้อมูล Health Data Center ของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 และปรากฏอยู่ในรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4 /2566 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
พบว่าผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ มีจำนวน 10.5 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 3.6% ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคผิวหนังอักเสบ และโรคตาอักเสบ ซึ่งพบมากที่สุดในภาคเหนือ รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายโรคสำคัญจากฝุ่นละออง PM 2.5 และรายจังหวัด ในปี 2566 พบว่า โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 39.1% โดยพบผู้ป่วยมากสุดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
รองลงมาเป็นโรคมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 19.7% โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 16.8% โดยพบมากสุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป
สำหรับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในปี 2567 ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 13 กุมภาพันธ์ 2567 พบผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศแล้ว 9.1 แสนราย โดยภาคเหนือพบผู้ป่วยสูงกว่าพื้นที่อื่น
ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวังป้องกันโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว หากจำเป็นต้องออกจากบ้านให้สวมหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่น
ฐานเศรษฐกิจ พบว่าในรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4-2566 ได้ทำตารางสถิติ “จำนวนผู้ป่วยโรคสำคัญที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศจากฝุ่นละออง PM 2.5 ปี 2565 – 2566” พบข้อมูลดังนี้
โรคหลอดเลือดสมอง
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
โรคมะเร็งปอด
โรคหอบหืด
โรคหัวใจขาดเลือด
รายงานภาวะสังคมไทย ของสภาพัฒน์ระบุข้อเสนอและทางออกของปัญหาด้วยว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยมีแนวทางการแก้ไขที่สำคัญ คือ
ที่มา : รายงานภาวะสังคมไทย ไตรมาส 4/2566