นายวิศาล ชวลิตานนท์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2565 ว่า OR มีกำไรสุทธิ จำนวน 11,114 ล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1,993 ล้านบาท เนื่องจากทั้งรายได้ขายและบริการและ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 229,557 ล้านบาท และ 3,437 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (COVID-19) ที่ภาครัฐใช้มาตรการผ่อนคลายมากกว่า ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ เช่นเดียวกันกับด้านปริมาณขายก็ปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน ในด้านของรายได้ขายและบริการในไตรมาส 3 กลุ่มธุรกิจ Mobility
และกลุ่มธุรกิจ Global มีรายได้จากการขายและบริการลดลงจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกและปริมาณการขายที่ลดลง ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีรายได้ขายใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ผ่อนคลายขึ้น
ส่วน EBITDA ในไตรมาส 3 ลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี ด้วยความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญของทีมงานของ OR ทำให้ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายจากปัจจัยต่างๆ ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลหรือภัยพิบัติที่เกิดขึ้น แต่ผลการดำเนินงานของ OR ยังคงมีกำไรสุทธิจำนวน 701 ล้านบาทในไตรมาส 3 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.06 บาท
ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา OR ได้เข้าลงทุนใน บริษัท ดุสิต ฟู้ด จำกัด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจ Lifestyle ของ OR โดยเพิ่มความหลากหลายของการดำเนินธุรกิจอาหาร รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งได้เข้าลงทุนในบริษัท Traveloka ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์ดิจิทัล
ด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีบริการที่หลากหลาย เพื่อให้ OR เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ตลอดจนเป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันของ Traveloka และ OR ทั้งในและต่างประเทศ
อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตรในการพัฒนาธุรกิจเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการ Platform ของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ยกระดับการให้บริการการเคลื่อนที่ หรือ Mobility as a Service (MaaS) ตามพันธกิจการสร้าง Seamless Mobility
นอกจากนี้ ยังได้เปิดร้าน Café Amazon สาขาแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอารเบีย และเปิดสาขาที่ 14 ในประเทศเวียดนาม นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ Café Amazon จะขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น และมุ่งสู่การเป็น Global Brand ต่อไป น
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4 OR ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility & Lifestyle มุ่งตอบสนองผู้บริโภค อำนวยความสะดวกให้ทุกการเดินทางเพื่อตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ตามพันธกิจของ OR ต่อไป