นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องที่ภาคเอกชนต้องการให้ลดค่าไฟลงจากตัวเลขที่ กกพ.ประกาศปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที (FT) ประเภทอื่น เช่น ธุรกิจ อุตสาหกรรม บริการ ฯลฯ เป็น 190.44 สตางค์/หน่วย คิดเป็นค่าไฟเฉลี่ยเรียกเก็บในอัตรา 5.69 บาท/หน่วยนั้น
ขึ้นอยู่กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ปตท. จะทำหนังสือยืนยันเปลี่ยนแปลงตัวเลขการทบทวนแผนบริหารหนี้ กฟผ. และการคำนวณประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติของผู้ผลิตไฟจากภาคเอกชนใหม่ หากยื่นเข้ามาให้ กกพ.พิจารณาภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ ก็มีโอกาสที่ค่าไฟงวดเดือนม.ค.-เม.ย.2566 ของภาคอุตสาหกรรมจะปรับลดลงได้แต่ตัวเลขเท่าใด ก็ต้องมาพิจารณาอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี เบื้องต้น กกพ.ได้คำนวณส่วนลดค่าไฟงวดเดือนม.ค.-เม.ย.2566 เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง โดยบ้านประเภทที่อยู่อาศัยที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ยังให้คงค่าเอฟทีเดิมที่อัตรา 93.43 สตางค์/หน่วย คิดเป็นค่าไฟที่เรียกเก็บกับประชาชนเฉลี่ยคงอยู่ที่ 4.72 บาท/หน่วย
ส่วนกลุ่มเปราะบางผู้ที่ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 301 แต่ไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ให้คิดแบบขั้นบันไดตามแนวทางเดิม แต่ต้องรอความชัดเจนว่า ปตท. จะพิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซ 1,500 ล้านบาท/เดือน เป็นระยะเวลา 4 เดือน(ม.ค.-เม.ย.2566) วงเงินรวม 6,000 ล้านบาท เข้ามาช่วยเหลือหรือไม่ ตามแนวทางช่วยเหลือที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2565 มีมติเห็นชอบ
“วงเงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง 8,700 ล้านบาท ทั้งยังต้องรองบประมาณสนับสนุนจากรัฐอีก 2,700 ล้านบาท หากการช่วยเหลือมีความชัดเจนภายในเดือนธ.ค.นี้ ก็จะปรับลดค่าไฟส่วนนี้ได้ทันที”