นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เปิดเผยว่า ในช่วง 5 ปี (2566-70) จะลงทุนรวมประมาณ 1.01 แสนล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าว โดยแบ่งเป็นไลฟ์สไตล์ (Lifestyles) 45% ,โมบิลิตี้ (Mobility) 20% ,ต่างประเทศ (Global)16% และอื่นๆ
สำหรับภาพรวมธุรกิจน้ำมันที่ปัจจุบันหลายบริษัทมีการซื้อกิจการ หรือดึงพาร์ทเนอร์เข้ามาลุยตลาดเมืองไทย ในส่วนของโออาร์ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งไม่กังวล เพราะมีจุดแข็งในการเข้าถึงผู้บริโภค มีพาร์ทเนอร์ที่ดี และยังมีนโยบายทั้งการดูแลธุรกิจรายย่อย รวมทั้งการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายในการขึ้นเป็นอันดับหนึ่งผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ของไทยปีนี้ โดยเฉพาะการจัดตั้งสถานีชาร์จ 7,000 หัวจ่ายภายในปี 2030 ครอบคลุมทั่วประเทศ
ขณะที่ธุรกิจน้ำมันและไลฟ์สไตล์ อาทิ อาหาร เครื่องดื่ม มั่นใจว่าปีนี้จะเติบโตอย่างมาก เนื่องจากทั่วโลกเดินทางเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะจีนที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศไทย หนึ่งในเป้าหมายหลักคือไทย จะทำให้โออาร์ได้อานิสงส์อย่างมากแน่นอน ทั้งน้ำมันรถยนต์และน้ำมันเครื่องบิน
นายดิษทัต กล่าวอีกว่า โออาร์ตั้งเป้าหมายไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน และเป็นที่รักของคนไทย เน้นการสื่อสารทุกช่องทางถึงผู้บริโภค มุ่งผลักดันโออาร์ให้ทะยานไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยแนวคิด RISE OR โดยให้ความสำคัญกับการลงมือทำที่ชัดเจนทั้ง 3 ด้านได้แก่
พร้อมสานต่อวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth หรือเติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน
"กรณีคำถามเกี่ยวกับการแบ่งงานกับนายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่โออาร์ ก็ตามตำแหน่ง ในส่วนของตนซึ่งเป็นซีอีโอจะภาพใหญ่ ภาคนโยบายเป็นหลัก ส่วนประเด็นการเมืองที่หลายคนว่าจะเข้ามาแทรกแซงการบริหารงานของโออาร์นั้น เชื่อว่าไม่มีปัญหา พร้อมทำงานกับทุกฝ่าย จะไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน"