นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (31 ม.ค.66) คณะทำงานค่าไฟฟ้าของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย ส.อ.ท. ,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยจะไปหารือกับนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) รวมทั้งตัวแทนจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เพื่อหาทางออกปัญหาค่าไฟแพง
ทั้งนี้ จะมีการพิจารณาเจาะลึกร่วมกันในการคำนวณค่าไฟฟ้าแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที (ค่า Ft) ในงวดที่เหลือของปี 2566 หรือตั้งแต่พฤษภาคม-ธันวาคมนี้
อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าที่ผ่านมา กกพ.เคยหารือร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่ครั้งนี้ภาคเอกชนจะหารือกับ กกพ. และหน่วยงานเกี่ยวข้องแบบเจาะลึก เพื่อหาแนวทางทำให้ต้นทุนการผลิตค่าไฟฟ้าปรับลดลง โดยจะดูปัจจัยทั้งต้นค่าก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) การจ่ายหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะดูว่าจุดไหนที่ปรับลดลงได้อีก เพื่อให้ทุกฝ่ายมีทางออกร่วมกัน
สำหรับกรณี "ค่าไฟ" งวดใหม่เดือน พ.ค.-ส.ค. 66 ที่ระบุว่าหากสมมุติฐานต่างๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ในงวดก่อน อัตราค่าไฟฟ้าจะอยู่ในระดับ 5.24 บาทต่อหน่วยนั้น เอกชนมองว่า สูงเกินไป ค่าไฟงวดใหม่ไม่ควรเกิน 5 บาทต่อหน่วย เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ในการคำนวณค่าไฟงวดใหม่ ปรับลดลงต่อเนื่อง เช่น
ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเหลือ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนถูกลง
รวมทั้งราคาก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจีเหลือ 20 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จากที่ผ่านมาราคาเคยสูงถึง 50 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู