แหล่งข่าวจากสำนักงานกองทุนน้ำเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยถึงกรณีกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ยกเลิกประกาศการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ตั้งแต่ 21 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป หรือไม่มีการขยายมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล ลง 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ว่า เบื้องต้นทางสกนช.อยู่ระหว่างจัดทำแผนรับมือสถานการณ์หากท้ายที่สุดกระทรวงการคลังไม่ต่ออายุลดภาษีดีเซลที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 กรกฎาคม
โดยจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าอุดหนุนแทนส่วนต่างภาษีที่หายไปในอัตรา 5 บาทต่อลิตร เพราะหากไม่ดำเนินการใดจะทำราคาดีเซลเพิ่มขึ้นสูงระดับ 37 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร เพื่อรักษาระดับราคาไม่ให้กระทบประชาชนผู้ใช้น้ำมันและภาคขนส่งที่จะมีผลต่อราคาสินค้าปลายทาง
แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ เก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซลอยู่ที่ 5.43 บาทต่อลิตร เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังผ่อนคลาย ไม่ผันผวนรุนแรง
เบื้องต้นอาจเก็บเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยระดับกว่า 6 บาทต่อลิตร เพื่อนำ 5 บาทต่อลิตรทดแทนส่วนลดภาษีที่หายไป หรือให้ประชาชน เพื่อคงราคาขายไว้ระดับ 32 บาทต่อลิตรหรือเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 50 สตางค์ต่อลิตร และเก็บเงินกว่า 1 บาทต่อลิตรเข้ากองทุนน้ำมันฯแทน เชื่อว่าระดับนี้จะเพียงพอกับหนี้กองทุนน้ำมันฯ
ซึ่งล่าสุดวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 บัญชีน้ำมันติดลบ 26,111 ล้านบาท ขณะที่หนี้บัญชีแอลพีจีอยู่ที่ 46,620 ล้านบาท ส่งผลให้หนี้กองทุนน้ำมันฯรวมอยู่ที่ 72,731 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์โลกเปลี่ยน ผันผวน ก็ต้องพิจารณาแนวทางอื่นร่วมด้วย