รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า ขณะนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด 3 ฉบับ ถึงนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อให้หาทางแก้ปัญหาการจ่ายน้ำมันให้เต็มลิตร
ภายหลังพบว่าการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงของ ปตท. แห่งหนึ่งที่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ประชาชนไม่เต็มตามอัตราวัดของมาตรวัดต่อหนึ่งลิตร โดยอ้างว่ากรณีการใช้ถังตวงวัดขนาด 5 ลิตร มีอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด บวก/ลบ 25 มิลลิลิตร สำหรับการตรวจสอบเพื่อรับรอง และ บวก/ลบ 50 มิลลิลิตร สำหรับการตรวจสอบระหว่าการใช้งาน เป็นการถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของกฎกระทรวงของกระทรวงพาณิชย์ในความรับผิดชอบของกรมการค้าภายใน
สำหรับหนังสือฉบับแรก ที่รมว.พลังงาน ส่งถึงผู้บริหารปตท. ระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงของ ปตท. แห่งหนึ่งที่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ประชาชนไม่เต็มตามอัตราวัดของมาตรวัดต่อหนึ่งลิตร โดยอ้างว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์และกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องการชั่งตวงวัด นั้น
กระทรวงพลังงาน เห็นว่า การกระทำดังกล่าว แม้ในปัจจุบันจะไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย ชั่งตวงวัดของกระทรวงพาณิชย์ แต่ก็เป็นการกระทำที่ทำให้ประชาชน ซึ่งเป็นผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เต็มตามจำนวนลิตรตามที่ชำระเงินให้สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงจริง อันเป็นการไม่ถูกต้องและเป็นการเอาเปรียบประชาชน
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงขอให้ดำเนินการตรวจสอบและสั่งการให้แก้ไขหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงของ ปตท. ทุกแห่ง ทั้งที่เป็นของ ปตท. เองโดยตรงและที่เป็นของเอกชนที่เข้าร่วมให้บริการประชาชนในชื่อของ ปตท. ให้มีการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ประชาชนเต็มตามจำนวนลิตร พร้อมทั้งหามาตรการชดเชยประชาชนหากเกิดกรณีดังกล่าว
รวมทั้งกำหนดมาตรการลงโทษสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปล่อยให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก โดยให้แจ้งผลการดำเนินการมาตรการการชดเชยให้ประชาชน และมาตรการลงโทษสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่กล่าวมาให้กระทรวงพลังงานทราบภายใน 15 วัน
ส่วนอีก 2 ฉบับ ได้มอบหมายให้ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน จัดส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ณ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงของ ปตท. ที่เกิดเหตุว่าหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการดังกล่าวมีการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงถูกต้องหรือไม่ และมีการปรับแต่งหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ผิดไปจากที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานเคยตรวจสอบไว้หรือไม่
พร้อมให้ตรวจสอบ แก้ไขกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบของกระทรวงพลังงาน หรือของกรมธุรกิจพลังงาน หรือของอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เกี่ยวกับการกำหนดการเผื่อเหลือเผื่อขาดของการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง หรือที่เกี่ยวกับอัตราการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อมิให้เกิดกรณีเช่นว่านี้ขึ้นอีก
รวมทั้งพิจารณาการกระทำในลักษณะนี้ ปัจจุบันมีความผิดประการใดหรือไม่ หากยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมายของกระทรวงพลังงานจะดำเนินการต่อไปประการใด
นอกจากนี้ยังขอให้พิจารณาจัดตั้งชุดพนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจ เพื่อตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทุกแห่งทั่วประเทศว่าจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ถูกต้องเต็มตามปริมาตรต่อลิตรหรือไม่ โดยให้รายงานผลการดำเนินการให้ รมว.พลังงาน รับทราบเป็นระยะทุก 15 วัน
ล่าสุด วันนี้ (23 ธันวาคม 2566) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga” ระบุว่า เมื่อวานบ่ายๆ ผมได้รับรายงานเรื่องปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งจ่ายน้ำมันให้ประชาชนผู้ใช้บริการไม่เต็มตามลิตร หลังตรวจสอบพบว่า กฎกระทรวงของกระทรวงพาณิชย์อนุญาตไว้ว่า เป็นกรณี “เผื่อเหลือเผื่อขาด” ผมเห็นว่า นั่นเป็นเรื่องการตรวจวัดตามกฎกระทรวงเท่านั้น
ถึงอย่างไรปั๊มน้ำมันก็ควรต้องจ่ายน้ำมันชดเชยให้ผู้ใช้บริการเต็มตามจำนวนลิตรที่ชำระเงินไป เพราะการชำระเงินค่าน้ำมันเป็นการชำระเต็มตามจำนวนลิตร มิใช่ชำระแบบเผื่อเหลือเผื่อขาดด้วย
ผมจะนำประเด็นนี้ไปรวมแก้ไขในกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งผมเห็นว่ากฎหมายในปัจจุบันมีช่องโหว่ในการกำกับดูแลเยอะมาก โดยเฉพาะอำนาจของรัฐมนตรีที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเช่นในกรณีนี้มีน้อยมากจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ผมได้มีหนังสือสั่งการให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ทันที และสั่งการให้อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานที่กำกับดูแลปั๊มน้ำมันทั่วประเทศดำเนินการแก้ไขปัญหาตามอำนาจหน้าที่ทันทีเช่นกัน โดยมอบให้ประธานที่ปรึกษาของผมกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง
ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจครับว่ากระทรวงพลังงานยุคนี้จะไม่ละเลยต่อปัญหาของประชาชนแน่นอน และจะพยายามแก้ไขปัญหาเต็มความสามารถที่กฎหมายปัจจุบันให้อำนาจไว้ ต่อไปผมจะแก้ไขกฎหมายให้ครอบคลุมปัญหาต่างๆ ให้ครบถ้วนครับ ผมถึงได้บอกว่าปัญหาเรื่องพลังงานของเรามันไม่ใช่แค่ปรับโครงสร้าง แต่มันต้องรื้อทั้งระบบ