ศจ.ดร พิสุทธิ์ เพียรมนกุล ประธานการจัดงาน Sustain Asia Week 2024 และ SETA 2024 เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมพลังงานกำลังเผชิญกับความท้าทายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิต เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประชาคมโลก
ทั้งนี้ แหล่งพลังงานหมุนเวียน รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีความสำคัญ และได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลก ดังนั้น บริษัท แกท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จึงร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงพลังงาน สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรุงเทพมหานคร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการจัดงานมหกรรมด้านพลังงาน Sustain Asia Week 2024 เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
โดยมุ่งหวังจะผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2608 เพื่อนำพาประเทศไทยเดินหน้าสู่ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการประชุมระดับผู้นำของรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28
สำหรับ Sustain Asia Week 2024 นั้น จะมีงานด้านพลังงาน 5 งานที่จะจัดควบคู่กัน ภายใต้แนวคิด Low Carbon & Sustainable ASEAN Economy ได้แก่ งานแสดงพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย หรือ SETA2024 (Sustainable Energy Technology Asia 2024) ,งานแสดงเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์และระบบการกักเก็บพลังงาน หรือ SSA2024 (SOLAR+STORAGE ASIA 2024)
,งานขนส่งและยานยนต์อนาคตแห่งเอเชีย หรือ SMA2024 (Sustainable Mobility Asia 2024) ,งานแสดงสินค้าทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางด้านพลังงานหมุนเวียนและการจัดการสิ่งแวดล้อม FTI Energy Expo 2024 ร่วมจัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
และ งาน Zero Carbon Expo 2024 โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 15,000 คน จาก 55 ประเทศทั่วโลก เช่นอาทิ ผู้บริหารระดับซีอีโอในแวดวงพลังงาน ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมพลังงานและ Zero Carbon รวมถึงผู้บริหารวงการเทคโนโลยีพลังงานสะอาดทั่วโลก
และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศอีกกว่า 100 หน่วยงาน ซึ่งจะมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกและผลักดันการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังมีการเจรจาขยายเครือข่ายทางธุรกิจ และแสดงศักยภาพของประเทศไทยในตลาดพลังงานเพื่อดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก