นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ ครั้งที่ 6/2567 ว่า มีการพิจารณาประเด็นสำคัญในการวางรูปแบบการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ และรักษาเสถียรภาพทางด้านราคา
โดยมีการหารือร่วมกันในคณะกรรมการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการปรับเปลี่ยนรูปแบบการสำรองน้ำมันและก๊าซ รวมทั้งเป็นการแก้ปัญหาหนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและที่สำคัญจะเป็นการแก้ไขปัญหาการแบกรับค่าใช้จ่ายด้านราคาพลังงานของประชาชนอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาการจัดซื้อจัดหา การกลั่น การส่งออก และการใช้น้ำมันและก๊าซ การกำหนดราคาขายน้ำมันส่งออกและที่จำหน่ายภายในประเทศของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยในปัจจุบัน
อีกทั้ง ยังมีการศึกษา การนำเข้า – ส่งออก สัดส่วนการใช้และการจัดเก็บสำรอง รวมไปถึงวิธีการบริหารจัดการการหมุนเวียน LPG ของญี่ปุ่นในเชิงลึก ตลอดจนการจัดหาน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติ
และการเก็บภาษีน้ำมันของสิงคโปร์เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจเลือกรูปแบบการสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ รวมถึงเพื่อรักษาเสถียรภาพทางด้านราคาของประเทศ ซึ่งประชาชนเชื่อมั่นและมั่นใจได้ว่าการจัดตั้งระบบการสำรองน้ำมันและก๊าซของประเทศไทยในครั้งนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน โดยจะพิจารณาใช้แนวทางที่ไม่เป็นภาระในการบริหารจัดการน้ำมันของภาครัฐ รวมทั้งไม่กระทบงบประมาณแผ่นดินในภาพรวม
อย่างไรก็ดี ได้สั่งการให้นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการระบบ และศาสตราจารย์พิเศษ อธึก อัศวานันท์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายภายใต้คณะกรรมการดังกล่าวเร่งมือจัดทำรูปแบบการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซให้เหมาะสมกับบ้านไทยและครอบคลุมในทุกมิติทางยุทธศาสตร์ให้มากที่สุด
โดยเตรียมร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องและรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ให้สามารถจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ และการรักษาระดับราคาที่ยุติธรรมสำหรับประชาชน