นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของ GULF ในปี 67 จะไม่หวือหวา แต่จะเป็นการเติบโตแบบเสถียร โดยหลักจะมาจากการเติบโตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่จะสร้างรายได้เข้ามามากกว่าสัดส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้า
ทั้งนี้ GULF ยังมีการมองหาการลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ แต่จะเน้นไปที่พลังงานสีเขียว (Green Energy) เป็นหลัก ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และแบตเต เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์โลกในอนาคต พร้อมยืนยันว่าไม่มีความสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เพราะมองความเสี่ยงยังสูงทั้งในด้านการลงทุนและปัญหาในการดำเนินงาน
"คนให้ความสนใจในการลงทุนและใช้พลังงานสีเขียวมากขึ้น และความต้องการใช้พลังงานสีเขียวในภาคอุตสาหกรรมมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก จะเห็นได้จากล่าสุดหน่วยงานด้านพลังงานมีการสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียว จากค่าไฟที่เป็น Utility Green Tariff ให้กับอุตสาหกรรมจากต่างประเทศที่มาลงทุนในไทย และต้องใช้พลังงานสีเขียวได้ 24 ชั่วโมงที่อัตรา Fixed 4.50 บาท ตลอดทั้งวัน ช่วยให้ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนและต้องการใช้พลังงานสีเขียวได้รับประโยชน์ และเป็นสามารถดึงดูดนักลงทุนเข้ามาได้มาก ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ในอาเซียนที่มีการสนับสนุนออกมาอย่างเป็นทางการ และอีกไม่นานคาดว่า EGAT จะเปิดให้จองใช้ได้"
GULF ยังมีความพร้อมเต็มที่จะยื่นเข้าร่วมโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ที่ภาครัฐจะเปิดรับอีกราวกว่า 3,000 เมกาวัตต์ เป็นไปตามนโยบายเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าสีเขียว เพราะในปัจจุบันพลังงานฟอสซิล หรือถ่านหิน เริ่มอยู่ยาก
นายสารัชถ์ กล่าวอีกว่า มุมมองเศรษฐกิจไทยนั้นยอมรับว่าปีที่ผ่านมางบประมาณภาครัฐล่าช้า ทำให้เศรษฐกิจช่วงปลายปีก่อนและต้นปีนี้เงียบเหงา แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังเมื่อมีการใช้จ่ายงบประมาณปี 67 ออกมา และเมื่องบประมาณปี 68 มาช่วยเสริม เศรษฐกิจคงได้เห็น Movement มากขึ้น
"เศรษฐกิจไทยเงียบเหงาไปมาจากงบประมาณที่หายไป ซึ่งมีผลเยอะ และช่วงนี้ก็จะเห็นว่านโยบายการเปิดการลงทุนจากต่างประเทศ รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีก็ไปทำ Marketing ประเทศเยอะ เพราะประเทศอื่นๆพัฒนาเร็ว ประเทศไทยก็ต้องทำจากจุดเริ่มต้นที่ดี มีการนำเสนอโครงการต่างๆ และนโยบายต่างๆที่ตามมา"
นายสารัชถ์ กล่าวอีกว่า GULF จะดำเนินการร่วมกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อรุกธุรกิจธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังดำเนินการ โดยจะยื่นใบอนุญาตภายในปี 2567 ด้วยเงินลงทุนเบื้องต้น 5,000 ล้านบาท
โดยมองว่ากัลฟ์มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ส่วนเอไอเอสมีความพร้อมความเข้าใจในสายธุรกิจดีจากลูกค้า 45 ล้านเลขหมาย ขณะที่กรุงไทยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก
สำหรับหลักเกณฑ์ที่ ธปท.ออกมาถือว่ามีความชัดเจนมากขึ้น โดยทำให้การเข้าถึงประชาชนมีมากขึ้น ซึ่งจะสร้างโอกาสให้กับผู้ที่ไม่มีโอกาสกู้เงินได้ ผ่านกาารใช้ข้อมูลมือถือ
ขณะที่ธนาคารกรุงไทยจะตรวจสอบได้ว่าจะมีความสามารถให้กู้ได้ตอนไหนบ้าง ซึ่งถือเป็นโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงมาก
อย่างไรก็ดี อาจจะหาพันธมิตรเพิ่มในอนาคตเพื่อมาช่วยสนับสนุน โดยมองว่าการที่ ธปท.เข้มงวดกฏระเบียบถือว่าดี จะสนับสนุนให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ยิ่งมีเทคโนโลยีที่พร้อมจะสร้างความมั่นใจมากขึ้น