จากกรณีที่นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คนใหม่ คนที่ 16 ระบุว่า ต้องการให้ภาครัฐพิจารณาปรับรูปแบบการคำนวณค่าไฟของประเทศให้ต่ำและนิ่งกว่านี้ จากปัจจุบันค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) จะคำนวณตามต้นทุนเชื้อเพลิงทุก 4 เดือน ทำให้ค่าไฟขึ้นลงผันผวน กระทบต่อค่าครองชีพประชาชน
การคำนวณต้นทุนของภาคเอกชน ซึ่งปกติเอกชนจะใช้ต้นทุนที่สูงที่สุดของปีและเมื่อค่าไฟถูกลงก็ไม่ได้ลดราคาสินค้าลง ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรกำหนดค่าไฟให้ต่ำและนิ่ง
โดยอาจคำนวณทุก 1 ปี เพื่อให้ทุกภาคส่วนรับรู้ต้นทุนระยะยาว เพราะราคาพลังงานขึ้นลงเป็นปกติ สามารถหักลบกัน เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับคนไทยทั้งประเทศแน่นอน
อีกทั้งยังระบุว่า ค่าไฟงวดใหม่ เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2567 ที่อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นจากประชาชนจะสรุปตัวเลขที่ 4.18 บาทต่อหน่วย
ขณะที่ปัจจุบัน กฟผ.รับภาระค่าไฟแทนประชาชนอยู่ที่ 99,689 ล้านบาท ซึ่งกฟผ.จะได้เงินคืน 7 งวดงวดละ 14,000 ล้านบาท หรือ 20.51 สตางค์ต่อหน่วย โดยคาดหวังอัตราค่าไฟหลังจากนี้ กฟผ.จะได้เงินคืนรูปแบบนี้ทั้ง 7 งวดเพื่อบริหารสภาพคล่องกฟผ.
ต่อเรื่องดังกล่าวนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า ความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าในการปรับรอบ ของค่า FT ควรจะเปลี่ยนจาก 3 ครั้งต่อปี เป็น 2 ครั้งต่อปีก่อนดีไหม
เพื่อสร้างระบบการคำนวณค่า FT ที่แม่นยำ ครอบคลุมตัวแปรต่างๆ ท่ามกลางความผันผวนของค่าพลังงาน จาก Geo Politics
ส่วนจะปรับเป็นปีละครั้งขอเป็นระยะต่อไปในอนาคต