ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/67 ว่า มีรายได้รวม 830.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 43.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 295% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566
จากการเติบโตของธุรกิจด้านการบริการการบิน ที่มีปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น 15% มาอยู่ที่ 1,197 ล้านลิตร สอดคล้องกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 17.5 ล้านคน
อย่างไรก็ดี บริษัทยังมุ่งวางรากฐานและโครงสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งและทันสมัย รวมถึงขยายการเติบโต ต่อยอดธุรกิจเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจบริการพลังงานอย่างยั่งยืน ด้วย 4 จุดแข็ง ประกอบด้วย
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวในปี 67 ที่คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย 37 ล้านคน และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 ที่ระดับ 40 ล้านคน จากโครงการพัฒนาท่าอากาศยานให้มีความพร้อมรองรับการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการทางวิ่งเส้นที่ 3 ในช่วงปลายปี 2567 รวมทั้งโครงการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (Satellite 2 : SAT-2) และพัฒนาส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลังใหม่
ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนา ทดม.เฟส 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้านคนต่อปี เป็น 40 ล้านคนต่อปี
การเติบโตของธุรกิจสายการบิน เป็นอีกปัจจัยที่เติบโตสอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้วยการขยายเครือข่ายเส้นทางบินและการขยายฝูงบินของสายการบินต่างๆ หลังจากที่เคยยกเลิกไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19
และการสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งจากมาตรการฟรีวีซ่า การจัดงานเทศกาลต่างๆ แพลตฟอร์ม Ease of traveling ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว
รวมถึงนโยบายยกระดับศักยภาพเป็นศูนย์กลางด้านการบิน (Aviation Hub) พัฒนาสนามบินหลัก สนามบินรองให้รองรับการ Transit ของสายการบิน และเตรียมปรับเปลี่ยนเส้นทาง ตารางบินให้เหมาะสม เพื่อเพิ่ม Transit Capacity ให้สูงขึ้น