แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือนพ.ย.2567 นี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเริ่มชำระคืนเงินต้นงวดแรก 100 กว่าล้านบาท จากยอดเงินกู้ก้อนแรก 5,000 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศก่อนหน้านี้ ที่มีกำหนดชำระคืนแล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้ รวมกับดอกเบี้ยที่ต้องชำระเดือนละประมาณ 250 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ ต้องหาเงินชำระโดยต้องมีเงินในการบริหารจัดการการชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.นี้ รวมประมาณ 400-500 ล้านบาท
ส่วนการชำระคืนเงินกู้ที่เหลือจากเงินกู้ทั้งสิ้น 1.1 แสนล้านบาท จะแบ่งชำระคืนตามสัญญาที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ดี ล่าสุดวันที่ 17 ต.ค.2567 มีการนำส่งเงินในส่วนของน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันฯวันละ 148 ล้านบาท ดีเซลนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯวันละ 142 ล้านบาท ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี ) หรือก๊าซหุงต้มวันละ 2.35 ล้านบาท ทำให้สุทธิกองทุนน้ำมันฯมีเงินไหลเข้าวันละประมาณ 293 ล้านบาท
ส่งผลให้สถานะกองทุนน้ำมันฯติดลบน้อยลง โดยวันที่ 13 ต.ค.2567 กองทุนติดลบ 95,333 ล้านบาท แบ่งเป็น
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กระทรวงพลังงานเตรียมขยายมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตรไปจนถึงสิ้นปี 67
แม้ว่าจะมีภาวะสงครามในตะวันออกกลาง แต่จะพยายามดูแลราคาไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน
หลังจากมาตรการล่าสุดจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 ก.ค. 2567 เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ให้คงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2567