net-zero

"เอ็กโก" ทุ่ม 9 หมื่นล้าน ดันผลิต 1 หมื่น MW เร่งพลังงานหมุนเวียนเป้า 30% ปี73

    EGCO Group เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Triple P” ระยะ 3 ปี จัดสรรงบลงทุน 9 หมื่นล้านบาท ลงทุนใน 8 ประเทศ ตั้งเป้าดันกำลังการผลิตที่ 1 หมื่นเมกะวัตต์ มุ่งตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืน สู่องค์กรคาร์บอนตํ่า จากพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วน 30% ปี 2573 และพลังงานสะอาดไฮโดรเจน

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป ได้ทบทวนและปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ในระยะ 3 ปี (2568-2570) จากนี้ไปด้วยการจัดสรรงบลงทุนไว้ราว 9 หมื่นล้านบาท หรือปีละ 30,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ 1.การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน

2.การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนตํ่า ซึ่งมีเป้าหมายระยะสั้นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้า ที่ผลิตได้ลง 10 % และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573 และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายใน 2583 (ค.ศ. 2040) และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) และ 3.การปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ เป้าหมายดังกล่าวจะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ “Triple P” 3 ด้าน ได้แก่ Profitability and Performance Energizing เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อดูแลอัตราส่วนหนี้สินและรักษาอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้น ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสมํ่าเสมอ

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)

Power and Energy-related Focus เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและรากฐานความแข็งแกร่งของเอ็กโก กรุ๊ป ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบการควบรวม และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และ การพัฒนาโครงการใหม่ (Greenfield) ตลอดจนแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การพัฒนาพลังงานสะอาดอย่างไฮโดรเจน

ทั้งนี้ เป้าหมายดังกล่าวจะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ “Triple P” 3 ด้าน ได้แก่

Profitability and Performance Energizing เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อดูแลอัตราส่วนหนี้สินและรักษาอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้น ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสมํ่าเสมอ

\"เอ็กโก\" ทุ่ม 9 หมื่นล้าน ดันผลิต 1 หมื่น MW เร่งพลังงานหมุนเวียนเป้า 30% ปี73

Power and Energy-related Focus เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและรากฐานความแข็งแกร่งของเอ็กโก กรุ๊ป ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบการควบรวม และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และ การพัฒนาโครงการใหม่ (Greenfield) ตลอดจนแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การพัฒนาพลังงานสะอาดอย่างไฮโดรเจน

 Portfolio and People Management บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนและทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นสร้างความเป็นเลิศในกระบวนการดำเนินงาน (Operational Excellence) ให้ความสำคัญกับการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ (Asset Recycling) ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว

พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในระดับสากล ตลอดจนปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

ดร.จิราพร กล่าวอีกกว่า ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 43 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นใน 8 ประเทศ รวมทั้งสิ้น 7,019 เมกะวัตต์ และมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,463 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังนํ้า พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่

โดยโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 6,779 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 240 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้า Yunlin 25.5 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนภายใต้ APEX จำนวน 215 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ จากการกำหนดกลยุทธ์ดังกล่าว เอ็กโก กรุ๊ป มีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นให้ได้ปีละ 1,000 เมกะวัตต์ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนหรือตั้งเป้าหมายจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ราว 10,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570

สำหรับการเติบโตทางธุรกิจในปี 2568 จะมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากโครงการลงทุนทั้งในประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการประกาศความชัดเจนในการยื่นเสนอขายไฟฟ้าโครงการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) หรือไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ของรอบแรก รวมทั้งสิ้น 2,180 เมกะวัตต์ ซึ่งเอ็กโก กรุ๊ป และพันธมิตร ได้ยื่นเสนอโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินไปราว 580 เมกะวัตต์ ในส่วนนี้จะทำให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาอีกเกือบครึ่งหนึ่งที่ได้เสนอไป

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเจรจาการควบรวมและการเข้าซื้อกิจการของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติมอีกกว่า 500 เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียนอีกราว 250 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะโอกาสปิดดีลโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้

อีกทั้ง การประกาศแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย หรือพีดีพี ฉบับใหม่ ในปี 2568 จะทำให้เอ็กโก กรุ๊ป มีโอกาสในการลงทุนขยายกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะเพิ่มขึ้นไม่ตํ่ากว่า 10,000 เมกะวัตต์ ตลอดแผนปี 2580