ปตท. ลุยฟื้นฟูป่า 1.1 ล้านไร่ กักเก็บคาร์บอน 2.14 ล้านตัน

21 พ.ย. 2565 | 06:07 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ย. 2565 | 13:28 น.

ปตท.เดินหน้าภารกิจฟื้นฟูป่า 1.1 ล้านไร่ คืนสมดุลสู่ธรรมชาติ หนึ่งในเสาหลักช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนฯ 2.14 ล้านตัน ปูทางสู่ Net Zero Emission ปี 2593 มีศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ องค์กรธุรกิจแห่งแรกของประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียน T-VER เป็นต้นแบบ

กลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเร่งแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศไทย ที่ได้กำหนดที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2065

 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินงานสำคัญที่จะให้ปตท.บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2593 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ประเทศกำหนดไว้ถึง 15 ปี การเพิ่มพื้นที่ปลูกป่า จึงถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญที่จะช่วยดูดซับหรือกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็น 1 เสาหลักที่จะทำให้กลุ่มปตท.บรรลุเป้าหมายที่ประกาศไว้ได้

ปตท. ลุยฟื้นฟูป่า 1.1 ล้านไร่ กักเก็บคาร์บอน 2.14 ล้านตัน

 

ทั้งนี้ ปตท.มีแผนดำเนินการปลูกป่าบกและป่าชายเลนเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านไร่ และกลุ่มปตท.อีก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 หากบวกกับพื้นที่ป่าที่บำรุงรักษาจากการปลูกมาตั้งแต่ปี 2537-2560 จำนวน 1.1 ล้านไร่ จะทำให้มีกลุ่มปตท.มีพื้นที่ป่ารวม 3.1 ล้านไร่ ซึ่งจะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 4.15 ล้านตัน

 

การจะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ปตท.จึงมีภารกิจฟื้นฟูป่ากักเก็บคาร์บอน คืนสมดุลสู่ธรรมชาติ จากโครงการต่างๆ ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ “สถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท.” ด้วยการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ 3 แห่ง ได้แก่ ของศูนย์การเรียนรู้ป่าในกรุง กทม. จัดตั้งเมื่อปี 2558 มีจุดเด่นในด้านการพัฒนาพื้นที่รกร้าง ฟื้นฟูป่าและสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ชิดคนเมือง โมเดลการปลูกป่านิเวศ รวบรวมไม้พื้นถิ่น กทม. และศึกษาป่าจากเรือนยอด ปลูกต้นไม้ไปกว่า 7,524 ต้น พรรณไม้กว่า 250 ชนิด ในปี 2564 สามารถกักเก็บคาร์บอนได้ 230 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

 

750

 

ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ จังหวัดระยอง จัดตั้งเมื่อปี 2557 มีจุดเด่นเรื่องการพัฒนาจากพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยวสู่พื้นที่วิจัย และสาธิตการปลูกฟื้นฟูป่ารูปแบบต่าง ๆ ทั้งยังมีแหล่งปลูกรวบรวมพรรณไม้กว่า 500 ชนิด เพื่อการฟื้นฟูป่า มีห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่ พร้อม Green Lab พื้นที่พัฒนางานวิจัย และนวัตกรรมการฟื้นฟูป่าอีกด้วย ซึ่งได้ปลูกป่าไป 453,082 ต้น ในปี 2564 สามารถกักเก็บคาร์บอนได้ 3,759 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

 

อีกทั้ง ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ อยู่ในพื้นที่ Wangchan Valley ซึ่งเป็นผืนป่าขององค์กรธุรกิจแห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ขององค์กรบริหารก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก.ในปี 2558 อีกด้วย

 

ขณะที่ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดตั้งเมื่อปี 2547 เป็นต้นแบบองค์ความรู้การฟื้นฟูที่นาสู่ป่าชายเลน โดยได้ปลูกต้นไม้ไปแล้ว 471,600 ต้น (600 ต้น/ไร่) ในปี 2564 สามารถกักเก็บคาร์บอน 17,010 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

 

นอกจากนี้ ปตท.ยังมีโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างคุณภาพที่ดี อื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์ และพัฒนาพื้นที่สีเขียวคุ้งบางกระเจ้า โครงการ “วังจันทร์รวมรัก ปลูกแบ่งปัน” และโครงการ “สวนป่าครัวเรือน”

 

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าผลสัมฤทธิ์แปลงปลูกป่า ของ ปตท. ตั้งแต่ปี 2537- 2560 จากโครงการต่างๆจากโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ ปลูกป่าพิเศษและโครงการพระราชดำริ โครงการปลูกป่าฟื้นฟูระบบนิเวศและลดภาวะโลกร้อน สามารถปลูกป่าได้ราว576 แปลง รวม 1.1 ล้านไร่ ใน 56 จังหวัดทั่วประเทศ สามารถดูดซับคาร์บอนได้ 2.14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ชุมชนได้รับประโยชน์จากป่ากว่า280 ล้านบาทต่อปี ผืนป่าคงความอุดมสมบูรณ์กว่า 83%

 

ขณะที่ปี 2565 ปตท.ได้ดำเนินการปลูกป่า 20 แปลง เนื้อที่รวม 15,004 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย น่าน พะเยา ลำปาง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เป็นต้น และในปี 2566 ยังมีแผนงานปลูกป่าป่ายูคาลิปตัส ในพื้นที่ขอรับพื้นที่ดำเนินการ 12 แปลงในเขตป่าสงวนแห่งชาติแควระบมและป่าสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยไคร้ จังหวัดปราจีนบุรี และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาฉกรรจ์ ป่าโนนสาวเอ้ ป่าห้วยไค้ และป่าพระสะทึง จังหวัดสระแก้ว อีกด้วย